#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business
.
โรคระบาดโควิดที่ได้เข้ามาโจมตีสังคมไทยดังเช่นที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้เปิดเผยความอ่อนแอในหลายด้านของเศรษฐกิจไทย อย่างที่เราหลายคนอาจไม่ได้ตระหนักหรือรับรู้มาก่อน ซึ่งความอ่อนแอดังกล่าวเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันคิดแก้ไขเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวต่อไปได้ในอนาคต
.
ความอ่อนแอแรก คือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งแต่ก่อนวิกฤตโควิด เราต่างได้ทราบถึงความเหลื่อมล้ำในประเทศที่มีความรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่น้อยคนที่ตระหนักเพราะเศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อไปได้ แต่เมื่อมีโควิดก็ทำให้ปัญหานี้เห็นได้อย่างชัดอย่างเด่นชัดกับทุกคน และเป็นปัญหาที่จำกัดการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ เพราะจะไม่มีกำลังซื้อให้กับระบบเศรษฐกิจหากคนไม่มีเงิน
.
ความอ่อนแอที่สอง คือ ประสิทธิภาพและความสามารถของระบบราชการที่จะสนับสนุนการเติบโตและการเปลี่ยนแปลง ในยุคก่อนโควิดความไม่มีประสิทธิภาพและการทุจริตคอรัปชั่นเป็นข้อจำกัดของการทำธุรกิจในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ภายหลังจากการเกิดโควิด สิ่งที่ได้เห็นเพิ่มขึ้นคือการขาดความกระตือรือร้นและความสามารถในการตอบสนองต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาที่ต้องการความรวดเร็ว ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาทางเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้ว
.
ความอ่อนแอที่สาม คือ ช่องว่างระหว่างสิ่งที่ภาคเอกชนควรทำ ในแง่ประเด็นของการลงทุนและนวัตกรรมในภาคเอกชนนั้นถือได้ว่า เศรษฐกิจมีกำลังการผลิตเท่าเดิม ไม่มีนวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ที่จะแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคต ช่องว่างดังกล่าวเกิดจากระบบแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไม่ได้มีการพัฒนา ไม่มีนวัตกรรม หรือการลงทุนใหม่ๆ ที่จะไปแข่งกับต่างประเทศ ในขณะที่บริษัทใหญ่จะได้รับการปกป้องในการทำธุรกิจในประเทศ จนทำให้มีการแข่งขันน้อย
.
สิ่งที่จะเป็นประเด็นต่อไปคือผลระยะยาวที่วิกฤตโควิดมีต่อเศรษฐกิจผ่านผลกระทบต่อคุณภาพของการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ จากการเรียนการสอนที่ต้องปิดและหยุดเรียนเป็นเวลานาน
.
ทางเลือกที่เรามีภายหลังปี 2564 คือ (1) พยายามกลับสู่โลกเดิมของการเติบโตแบบส่วนบนของตัว K ที่เศรษฐกิจพึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยว ที่นับวันจะยิ่งแข่งขันได้ยากขึ้น หรือ (2) สร้างความเข้มแข็งให้กับส่วนล่างของตัว K ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ด้วยการปฏิรูประบบการศึกษาและทักษะแรงงาน ทำระบบจูงทางเศรษฐกิจให้ถูกต้อง ซึ่งเหล่านี้คือโจทย์ของประเทศไทยที่รอคำตอบจากทุกคนให้ช่วยกันคิดครับ
.
อ้างอิง: "ปีที่อยากลืม...แต่ลืมไม่ได้" โดย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 ธ.ค. 63
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น