#จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy
➼ เป้าหมายชีวิตและสไตล์การทำงานของคน 3 เจนเนอเรชันนั้นแตกต่างกันโดย Gen X หรือคนที่เกิดในช่วง พ.ศ.2508-2523 ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance รับผิดชอบตามหน้าที่อย่างเต็มที่ เปิดกว้างทางความคิด หรือไอเดียใหม่ๆ เน้นเป้าหมายของทีมเป็นหลัก.
➼ Gen Y หรือคนที่เกิดช่วง พ.ศ.2523-2537 จะชอบความชัดเจน เปิดรับความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมามากขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็นและกล้าร้องขอในสิ่งที่ตนเองสมควรได้รับ หากเบื่อก็มีโอกาสเปลี่ยนงานได้.
➼ Gen Z หรือคนที่เกิดช่วง พ.ศ.2540 เป็นต้นไป ในยุคที่โลกหมุนเร็ว วิเคราะห์และตัดสินใจรวดเร็ว ไม่กลัวปัญหา กล้าเสนอมุมมองใหม่ๆ นอกกรอบ กล้าตั้งคำถามกับรูปแบบและขั้นตอนการทำงานเดิมๆ ทำงานไม่ยึดติดกับเวลา ไม่อยู่ในโลกของการทำงานเช้ากลับเย็น.
➼ หน้าที่ของหัวหน้างานจึงต้องเรียนรู้คนทั้ง 3 เจนเนอเรชัน เตรียมความพร้อมให้พนักงานที่ต้องทำงานร่วมกัน หรือระบบที่รองรับการทำงานแบบดิจิทัลมากขึ้น ถึงจะสามารถรักษาพนักงานที่มีศักยภาพให้คงอยู่.
➼ Gen Y ต้องให้ผจญเรื่องใหม่ๆ เสมอ เพราะเป็นกลุ่มที่หากเบื่อก็พร้อมเปลี่ยนงาน. Gen Z ต้องรักษาสมดุลระหว่างความท้าทายของงานกับผลตอบแทนที่ดึงดูด เพราะไม่อยู่ในโลกของการทำงานแบบเข้าเช้า-ออกเย็น. ขณะที่ Gen X ต้องให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance รับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มที่.
➼ ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน คน คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในองค์กร หัวหน้างานจึงต้องมีทักษะในการบริหารจัดการคนทั้ง 3 กลุ่มให้ตรงตามต้องการ สร้างสมดุลของชีวิตและการงานให้ลงตัวเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด พนักงานมีความสุข อันจะทำให้องค์กรมีผลผลิตที่มีคุณภาพในที่สุด.
อ้างอิง: "สิ่งที่ผู้บริหารจะต้องทำเมื่อทำงานกับ3เจนเนอเรชัน" หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ, กรุงเทพธุรกิจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น