ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ชอปปิ้งออนไลน์ กับ การเสพติด (s.355)

 


#จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy 

• การช้อปออนไลน์นำความสุขสู่ผู้ซื้อเช่นเดียวกับการชอปปิ้งในรูปแบบปกติ โดยมีงานวิจัยระบุว่าความเศร้าหรือความทุกข์ของคนจะเกิดเนื่องมาจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การได้ชอปปิ้งคือ การได้แสดงออกและรู้สึกถึงการควบคุมในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าจะซื้อสินค้าอะไรบ้างและเป็นการนำความสุขกลับสู่ชีวิตอีกครั้ง

• ความสุขจากการได้ซื้อของนั้น ไม่ได้จำเป็นต้องมาจากการได้เป็นเจ้าของสินค้าที่ซื้อมาเสมอไป แต่เป็นความสุขที่ได้จากกระบวนการในการเลือกและตัดสินใจซื้อสินค้า. ยิ่งสำหรับการซื้อออนไลน์แล้ว เพียงแค่การได้กดเข้าไปเลือกดูสินค้าก็ทำให้มีความสุขแล้ว เนื่องจากสมองจะหลั่ง Dopamine ที่ทำให้รู้สึกดี

• Dopamine เป็นตัวขับเคลื่อนให้คนค้นหาสิ่งที่เรามีความสุขยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งคือการเข้าไปซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งมีข้อเสนอเลยว่าเพียงแค่กดของใส่ตระกร้า แล้วสุดท้ายค่อยลบตระกร้านั้นทิ้งไปก็ทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุขขึ้นได้

• นอกจากการชอปปิ้งออนไลน์แล้ว การรอสินค้าที่สั่งมา ซึ่งทำให้เกิดความตื่นเต้นและความคาดหวัง และจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเมื่อสินค้ามาถึง และพบว่าเป็นสินค้าตามที่ต้องการหรือเหนือกว่าที่คาดหวัง แต่เมื่อได้รับสินค้ามาแล้วความสุขดังกล่าวก็จะหมดไปดังเช่นการซื้อสินค้าปกติ

• ความสุขที่กระตุ้นไปสู่ความต้องการการซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้มีแนวคิดที่ผู้ค้าหรือแพลตฟอร์มปรับใช้คือ Cue-Reactivity ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นเต้นจากการได้เห็นสินค้าบางอย่าง (ทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการ) แล้วกระตุ้นให้เกิดความต้องการมากขึ้น

• เราในฐานะผู้ซื้อควรต้องเฝ้าสังเกตตนเองว่ามีอาการเสพติดกับการชอปปิ้งออนไลน์ หรือความรู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่ดีภายหลังจากที่ซื้อสินค้าไปหรือไม่ โดยอาจรู้สึกว่าเสียเงินโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เพื่อให้กลับมารู้สึกดีและมีความสุขอีกครั้ง จึงแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปกดสั่งซื้อใหม่อีกครั้ง แต่ก็เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ. ซึ่งเราเองควรทำด้วยความมีสติเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง และอาจกระทบถึงคนรอบข้าง

อ้างอิง: "ซื้อของออนไลน์ สุข หรือ เสพติด" รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์, กรุงเทพธุรกิจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

Word of the Year 2022 (s.540)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Word of The Year ที่นำเสนอโดยสำนักพิมพ์ดิกชันนารีออกฟอร์ด ซึ่งได้ประกาศออกมาโดยการใช้วิธีการโหวตออนไลน์ ได้คำว่า "goblin mode" ซึ่งหมายถึงชนิดของพฤติกรรมที่ตามใจตนเอง ขี้เกียจ ดูสกปรก ไร้ระเบียบ มีลักษณะทั่วไปที่ปฏิเสธแบบแผนของสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน. ➼ การตีความว่าคนอยู่ในโหมดของการเป็น goblin หมายถึงคนที่เลือกเองว่าจะอยู่ในโหมดของการเป็นคนสกปรก ขี้เกียจ ไม่สนใจสารรูปของตนเอง บริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และชอบอยู่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอก. ➼ สำหรับสำนักพิมพ์ดิกชันนารี Merriam-Webster ได้เลือก Word of the Year คำว่า "gaslighting" ซึ่งหมายความถึงการพยายามทำให้บุคคลหนึ่งรู้สึกไม่มั่นคงและสั่นคลอนในความเชื่อของตน จนทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นหรือมีประสบการณ์มิได้เกิดขึ้นจริง. ซึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง. ➼ สำนักพิมพ์ดิกชันนารี Collins เลือก "permacrisis" ซึ่งแปลว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงทน เพื่อเล่าสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่คาดเดาได้ยาก เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย. อ้างอิง: ...

Reserve Currency (s.538)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Reserve Currency คือ เงินตราต่างประเทศที่ธนาคารกลางและสถาบันการเงินใหญ่ๆ ในโลกถือไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการค้า การลงทุนและการชำระหนี้ระหว่างประเทศ. ➼ ตั้งแต่ปี 1944 มี 44 ประเทศได้ตกลงกันที่เมือง Bretton Woods ที่จะให้ดอลลาร์เป็นเงินตราที่จะใช้ในธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยประเทศต่างๆ จะผูกค่าเงินของตนไว้กับดอลลาร์ และดอลลาร์ก็จะผูกไว้กับทองคำอีกต่อหนึ่ง ในอัตรา 35 ดอลลาร์ต่อทองทำ 1 Troy Ounce นี่เป็นจุดกำหนดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate System). ➼ ในปี 1973 ประธานาธิบดีนิกสันได้ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Flexible Exchange Rate System) โดยแม้ดอลลาร์จะไม่มีทองคำหนุนหลัง แต่ดอลลาร์ก็ยังคงเป็น reserve currency หลักของโลกมาตลอดมาตลอดเกือบ 80 ปี เพราะสภาพคล่องที่มีสูงมาก. ➼ สหรัฐถือเป็นประเทศที่ได้เปรียบทุกประเทศในการที่สามารถใช้เงินของตนทำธุรกรรมต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี ในระยะยาว ยังมีคำถามที่เกิดขึ้นคือ ดอลลาร์อาจสูญเสียความเป็น reserve currency หลักของ...