ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2020

ดีลที่ใหญ่ที่สุดในปี 2019 ได้บอกอะไรเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตข้างหน้า ?

 ดีลทางธุรกิจสามารถเป็นได้ทั้งสัญญาณชี้นำ (leading) และสัญญาณชี้ตาม (lagging) ของข้อมูลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น  สัญญาณบางอย่างอาจเป็นเพียงการสะท้อนเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในอดีต ในขณะที่บางสัญญาณอาจหมายถึงแนวโน้มใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อใช้มาตรวัดเพื่อวัดมุมต่างๆ เกี่ยวกับกิจกรรมดีลในปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า M&A ในปี 2019 ถือว่ามีมูลค่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับดีลในปีก่อนหน้า แต่รูปแบบของ M&A ที่เกิดขึ้นได้แสดงถึงความน่าสนใจ โดยจำแนกได้เป็น 1. ดีลทางธุรกิจที่เป็นปกติ     - การควบรวมในกลุ่มธุรกิจยาอย่างต่อเนื่อง : ตั้งแต่ช่วง 1990  บริษัทยาได้มีการควบรวมกันเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองในห่วงโซ่อุปทานด้านสุขภาพ. โดยดีลที่เกิดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อให้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ  รวมถึงเพื่อรักษาโครงสร้างผูกขาดในอุตสาหกรรม  ทั้งนี้แนวโน้มการควบรวมดังกล่าวยังรวมถึงการควบรวมของกลุ่มบริษัทประกันรายใหญ่ที่พยายามเพิ่มอำนาจในอุตสาหกรรม เช่นกัน เช่น CVS-Aetna and Cigna-Express Scripts     - กลุ่มธุรกิจบันเทิงและสื่อสาร : เป็นอีกกลุ่มธุรกิจหนึ...

ปกป้องเวลาทำงานของคุณด้วยเทคนิตการกำหนดขอบเขตช่วงเวลา

การประชุมที่กินเวลาเที่ยงของคุณ  อาจกระทบกับ email ที่รอส่ง  แถมอีกการประชุมที่จะเริ่มในอีกไม่ช้า  หรือแม้กระทั่งการนัดลูกค้าในช่วงนี้  การทำงานที่บีบคั้นเช่นนี้ มักทำให้เรารู้สึกหมดแรงได้ การขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้คาดหมาย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยที่ทำให้งานที่สำคัญของคุณไม่เสร็จ และมักส่งผลให้คุณเลิกงานช้าลง หรือกระทั่งกระทบกับเวลาของครอบครัว การกำหนดขอบเขตช่วงเวลาเป็นวิธีหนึ่่งในการบริหารบริหารจัดการเวลา  อย่างไรก็ดีวิธีการขึ้นกับลักษณะงานของคุณ วัฒนธรรมในที่ทำงาน และเพื่อนร่วมงาน  ซึ่งคุณจะกำหนดขอบเขตและวิธีการในการติดต่อสื่อสารในที่ทำงาน ยกตัวอย่างเช่น -- กำหนดเวลาที่สะดวกในการประชุม - โดยให้พิจารณาช่วงเวลาที่คุณไม่ต้องการถูกรบกวนหรือต้องประชุม และกำหนดตารางปฏิทินให้เป็น "ไม่ว่าง" (busy)  อย่างไรก็ดีบางครั้งคุณอาจไม่ได้มีสิทธิมากนักในการกำหนดขอบเขตเวลาเช่นนี้ ซึ่งกรณีดังกล่าวคุณต้องตัดสินใจโดยพิจารณาจากสถานการณ์  แต่โดยทั่วไปวิธีนี้สามารถใช้ได้ดีเป็นส่วนใหญ่ - กำหนดระยะเวลาของการประชุม - ในกรณีที่คุณมีการประช...

ภาวะหมดไฟ (burnout) เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ทำงาน ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับคน

ภาวะหมดไฟ - องค์กร WHO (World Health Organization) ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดการภาะวหมดไฟเป็นเรื่องในระดับองค์กร ซึ่งเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล. อย่างไรก็ดียังมีแง่มุมที่มีดูเหมือนขัดแย้ง เนื่องจากภาวะหมดไฟไม่ได้ถูกจัดให้เป็นเงื่อนไขทางการแพทย์  ซึ่งทำให้ภาวะหมดไฟจึงดูเหมือนไม่ใช่ความรับผิดชอบของนายจ้างมากนัก แต่กลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของบุคคล ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เกี่ยวข้องจำนวนมากที่เกิดขึ้นตามมา จากการศึกษาของ APA (American Psychological Association) พบว่าผู้ที่มีภาวะหมดไฟจะมีความกระตือรือร้นในการเปลี่ยนงานสูงกว่าคนภาวะปกติถึง 2.6 เท่า  มีโอกาสที่จะลางานด้วยสาเหตุป่วยมากกว่าถึง 63% และมีโอกาสที่เหตุต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินมากกว่าถึง 23% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีภาวะหมดไฟ Frederick Herzberg ได้กล่าวถึงปัจจัย 2 อย่าง ในทฤษฎีแรงจูงใจ-สุขอนามัยของเขา โดยกล่าวถึงสิ่งที่สร้างแรงจูงในการทำงานกับความจำพื้นฐานที่ต้องมี ที่จะทำให้พนักงานเกิดความพึงพอใจในงาน โดย - ความพึงพอใจในงาน และ ความไม่พึงพอใจในงาน เป็นสิ่งที่เป็นอ...

"การเคลื่อนที่ที่เร็ว และทำลายสิ่งของ (Move Fast and Break Things)" ไม่มีประสิทธิผลแล้ว ?

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความว่องไวรวดเร็ว (agility) ในวงการเทคโนโลยีมักมีความหมายที่สื่อไปถึงการทำงานที่รวดเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งก็ได้ผลดีดังที่เราได้เห็นจากการพัฒนาในเรื่องเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีในช่วงทศวรรษข้างหน้า ความว่องไวรวดเร็วจะมีความหมายใหม่ในอีกแง่มุมนึง นั่นคือความสามารถในการค้นหาศาสตร์ความรู้หลากหลายพร้อมกัน และนำมารวมกันเป็นสิ่งใหม่ที่สร้างคุณค่า  ซึ่งเราจำเป็นที่ต้องเรียนรู้ที่จะลดความรวดเร็วเพื่อให้ได้มีเวลาในการสำรวจความหลากหลายต่างๆ การเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน อันจะทำให้เราจำเป็นต้องเปิดกว้างและลงลึกในการหาเชื่อมระหว่าง ปัญหา  เทคโนโลยี และ ข้อมูล มากกว่าเพียงแค่ การเคลื่อนที่ที่เร็ว และทำลายสิ่งของ การเปลี่ยนแปลงที่ 1 : จากยุคของดิจิตอล เป็น ยุคหลังดิจิตอล  - โครงสร้างการของการประมวลผลรูปแบบใหม่ เช่น ควอนตัม (quantum) หรือ นูโรมอร์ฟิก  (neuromorphic) จะต้องใช้ความก้าวหน้าซึ่งมีความซับซ้อนมากไปกว่าชิปประมวลผลดิจิตอล (digital chip) ซึ่งไม่สามารถใช้ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งในการพัฒนา แต่เป็นการรวมองค์ความรู้ในหลาย...

โอกาสในท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19

วิกฤตและโอกาสในมุมขององค์กร + เป็นช่วงที่องค์กรจะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน โดยมีแรงต่อต้านที่น้อยจากพนักงาน การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพหรือเปลี่ยนวิธีการทำงาน ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่องค์กรมักเจอแรงต่อต้านโดยเฉพาะจากพนักงาน เนื่องจากคนเราจะมีความเฉี่อยต่อสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันและหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเปลงซึ่งต้องใช้แรงการและแรงใจ. โดยหากต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมัครใจ ผลประโยชน์ที่พนักงานคิดว่าจะได้รับอาจต้องสูงถึง 50% ของผลประโยชน์ที่พนักงานรู้สึกได้รับในปัจจุบันเพื่อให้ปราศจากแรงต่อต้าน. อย่างไรก็ดีการชี้แจงหรือแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับองค์กร เนื่องจากผลประโยชน์ในหลายครั้งจะตกอยู่กับองค์กรในภาพรวมมากกว่ากับเพียงหน่วยงานหรือพนักงานคนใด จึงทำให้เกิดแรงต่อต้าน ในทางกลับกันในปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเช่นนี้ เป็นช่วงที่พนักงานส่วนใหญ่จะรู้สึกเข้าใจในสถานการณ์และรู้สึกถึงผลกระทบจากการที่ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้การปรับเปลี่ยนวิธีการใดๆ ในการทำงาน จึงมีแรงต่อต้านที่ต่ำและส่วนใหญ่มักจะรู้สึกว่ามีปร...

ระวังอย่าไปในที่ชุมชนคนเยอะๆ นะ !

"ระวังอย่าไปในที่ชุมชนนะ.." - ปกติผมมักได้ยินคำนี้จากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติมิตรที่สนิทกับเรา  ซึ่งนอกจากประโยคในลักษณะนี้แล้วก็ยังมี เช่น "อย่าลืมใส่หน้ากากล่ะ.." หรือ "ล้างมือบ่อยๆ ด้วยนะ.." หรือแม้กระทั่ง "รีบไปรีบมา เลี่ยงได้ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปห้างเลย.." ในทางธุรกิจแล้ว เรามักได้ยินธุรกิจต่างๆ มักมีการอบรมพนักงานให้มีความสุภาพ กล่าวคำต้อนรับทักทายกับลูกค้า.  บางบริษัทมักมีประโยคที่มักกล่าวออกมาให้ได้ยินกันในลักษณะเป็นประโยคเฉพาะตัวหรือคำพูดบทสนทนาที่กล่าวกับลูกค้า ดัวยประสงค์ให้ลูกค้ารับรู้หรือเชื่อว่าบริษัทเป็นเช่นคำกล่าวนั้น อาทิเช่น "ยินดีให้บริการจากใจค่ะ.." หรือ "บริษัทเราให้ความสำคัญกับลูกค้าสูงสุดครับ.." หรือ "บริษัทพร้อมบริการด้วยมาตรฐานสูงสุดแก่ลูกค้า.." อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรหรือพนักงานจะพูดอย่างไร ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นหรือรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษอย่างเช่นที่บริษัทพยายามทำให้ลูกค้ารับรู้. และถ้ายิ่งพฤติกรรมของธุรกิจสวนทางกับสิ่งที่บ...

เอาชนะนิสัยเบี่ยงเบนความสนใจอย่างไร

เริ่มจากคำถามที่ให้เราลองคิดดูว่า "บ่อยแค่ไหน ที่คุณรู้สึกว่าเหนื่อยล้าและหมดแรงในการทำงาน แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหมือนไม่มีงานใดที่คุณรู้สึกว่าทำสำเร็จในวันนั้น ?" การที่คุณถูกทำให้ไขว้เขวเบี่ยงเบนความสนใจจากการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ มันทำให้เรามักรู้สึกมีอะไรต่อมิอะไรมากมายที่ต้องทำซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้เราเหนื่อยล้า และมันจะยิ่งแย่มากขึ้นถ้าในวันนั้นเป็นวันที่ดูยุ่งเหยิงแต่คุณไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรสำเร็จเลยในวันนั้น  สิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจและมักจะลดแรงจูงใจในการทำงานของคุณ การไขว้เขวเบี่ยงเบนความสนใจ (Distraction) ถือ นิสัยด้านลบที่เป็นเหมือนแรงต้านที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เราไม่สามารถทำงานที่สร้างความพอใจและมีความหมายให้กับตัวเรา การทำงานอย่างแน่วแน่ (Deep Work) นิยามถึง ความสามารถในการสนใจในงานที่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจ โดยปราศจากการไขว้เขวเบี่ยงเบนในเรื่องอื่น ซี่งผู้ที่สามารถทำงานได้อย่างแน่วแน่จะสามารถประมวลข้อมูลที่ซับซ้อนและสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้โดยใช้เวลาที่น้อยกว่า การทำงานในลักษณะดังกล่าวเปรียบเสมือนการที่คุณขี่จักรยาน ซึ่งเมื่อเริ่มขี่ คุณต้องต่อสู...

การให้บริการส่งฟรีเป็นสิ่งยั่งยืนสำหรับร้านค้าปลีกจริงหรือ ?

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีผลสำรวจและพบว่าผู้ซื้อกว่า 50% คิดว่าการที่ร้านค้าให้บริการส่งฟรีจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อของผ่าน Online  และผู้สำรวจประมาณ 20% คิดว่าการซื้อสินค้าและให้ทางเลือกในการไปรับสินค้าที่ร้านค้าจริงถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการซื้อผ่านทาง Online ในขณะที่ผู้บริโภคมีการซื้อสินค้าจากร้านค้าผ่านทาง Online แต่ไปรับสินค้าหรือส่งคืนสินค้าที่ร้านค้าจริง ดูเหมือนสิ่งดังกล่าวจะทำให้เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างยอดขายที่เกิดขึ้นผ่านทาง Online และยอดขายที่เกิดขึ้นในร้านค้าจริง บริการส่งฟรีถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับร้านค้า แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจริง คือ มันทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจในการที่จะซื้อสินค้า และรวมถึงสบายใจในการที่จะส่งคืนด้วย Berman และ Barbara Kahn ศ.ทางด้านการตลาดของ Wharton ได้กล่าวถึงหลักจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังของบริการส่งฟรี ซึ่งเรียกว่าเกือบเป็นข้อบังคับของร้านค้าปลีกในการให้บริการส่งฟรี ซึ่ง Kahn เรียกว่า "ความเจ็บปวดทางภาษี" (pain tax) โดยหลักทางจิตวิทยา คนทั่วไปจะแบ่งแยกความรู้สึกของการได้รับผลประโยชน...

จุดปลายยอดระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว

การค้นพบหนึ่งที่น่าจะประหลาดใจสำหรับเรื่องนี้ คือ ผู้ที่ประสบกับความล้มเหลวแต่เนิ่นๆ มักจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จแต่เนิ่น คนทั่วไปมักมองความสำเร็จและความล้มเหลวแยกกันอย่างชัดเจนเหมือนสีขาวและสีดำ แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ ความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งอาจเรียกว่าทั้งสองสิ่งเป็นมีเพียงเส้นบางๆ ที่กั้นขวาง ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมักจะมีมุมของของการแบ่งปันเรื่องของความล้มเหลวที่แตกต่างกัน ซึ่งบางสังคมจะถือเป็นเรื่องธรรมดาในการที่บอกเล่าเรื่องราวของความล้มเหลวให้ผู้อื่น ในขณะที่บางวัฒนธรรมอาจถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายในการให้คนอื่นรู้ถึงความล้มเหลว สิ่งที่สำคัญสำหรับความสำเร็จหรือความล้มเหลว คือ สิ่งที่ผู้คนตอบสนองต่อความล้มเหลว ซึ่งกรณีหากที่ผู้ชนะ (คนที่ประสบความสำเร็จ) และผู้เกือบชนะ (ผู้ที่ล้มเหลว) มีความแตกต่างของความสำเร็จอยู่เพียงเล็กน้อยในตอนเริ่มต้น ความแตกต่างแม้แต่เพียงเล็กน้อยดังกล่าวสามารถสร้างปรากฎการณ์ในลักษณะของ Snowball Effect ได้ และส่งผลให้ความแตกต่างของผู้ชนะและผู้เกือบชนะยิ่งห่างกันมากขึ้นเมื่อ...