ดีลทางธุรกิจสามารถเป็นได้ทั้งสัญญาณชี้นำ (leading) และสัญญาณชี้ตาม (lagging) ของข้อมูลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สัญญาณบางอย่างอาจเป็นเพียงการสะท้อนเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในอดีต ในขณะที่บางสัญญาณอาจหมายถึงแนวโน้มใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต
เมื่อใช้มาตรวัดเพื่อวัดมุมต่างๆ เกี่ยวกับกิจกรรมดีลในปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า M&A ในปี 2019 ถือว่ามีมูลค่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับดีลในปีก่อนหน้า แต่รูปแบบของ M&A ที่เกิดขึ้นได้แสดงถึงความน่าสนใจ โดยจำแนกได้เป็น
1. ดีลทางธุรกิจที่เป็นปกติ
- การควบรวมในกลุ่มธุรกิจยาอย่างต่อเนื่อง : ตั้งแต่ช่วง 1990 บริษัทยาได้มีการควบรวมกันเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองในห่วงโซ่อุปทานด้านสุขภาพ. โดยดีลที่เกิดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อให้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเพื่อรักษาโครงสร้างผูกขาดในอุตสาหกรรม ทั้งนี้แนวโน้มการควบรวมดังกล่าวยังรวมถึงการควบรวมของกลุ่มบริษัทประกันรายใหญ่ที่พยายามเพิ่มอำนาจในอุตสาหกรรม เช่นกัน เช่น CVS-Aetna and Cigna-Express Scripts
- กลุ่มธุรกิจบันเทิงและสื่อสาร : เป็นอีกกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่พยายามสร้างอำนาจทางการตลาด โดยดีลที่น่าสนใจ เช่น "Spring กับ T Mobile" หรือ "AT&T กับ Time Warner" และ "Disney กับ 21st Century Fox". นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจ Streaming ที่ปัจจุบันภาพของการแข่งขันจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้เล่นรายใหญ่ ซึ่งในท้ายที่สุดเราเชื่อว่าธุรกิจดังกล่าวก็จะเริ่มเห็นผู้ชนะ และตามมาด้วยแนวโน้มที่จะควบรวมกิจการกันมากขึ้นในอนาคต
- กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต : แนวโน้มที่เกิดขึ้น คือ การแตกตัวของบริษัทใหญ่ออกเป็นบริษัทย่อย โดยมักเริ่มจากการควบรวมกิจการเพื่อสร้างความได้เปรียบในอุตสาหกรรม และเมื่อความใหญ่ทำให้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเริ่มช้า เราก็จะเริ่มเห็นการแตกหน่วยธุรกิจออก.
- ทั้งนี้ ดีลที่กล่าวมาถือเป็นดีลทางธุรกิจปกติที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ดีสัญญาณที่ดีลในลักษณะนี้เริ่มมีปริมาณน้อยลง อาจเป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูการแนวโน้มเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษในอนาคตข้างหน้า.
2. แนวโน้มใหม่ในวงการเทคโนโลยี
- เริ่มเห็นว่ามีความพยายามจากรัฐบาฃในการจำกัดการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยี บริษัทเทคโยโลยี เช่น Google, Facebook หรือ Amazon ธุรกิจโตอย่างต่อเนื่องซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราแทบทุกคน โดยบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เป็นที่จับตามองและมีความพยายามจากรัฐบาลในการใช้กฎหมายเพื่อไม่ได้เติบโตใหญ่เกินไป
- อย่างไร็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามจากภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา เราก็ยังได้เห็นการควบรวมกิจการขนาดใหญ่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ดีลเช่น "IBM กับ Red Hat" หรือ "Salesforce กับ Tableau" แต่จุดที่น่าสนใจคือ บริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่อย่าง Apple, Google และ Amazon กลับค่อนไม่มีดีลขนาดใหญ่เกิดขึ้น.
- แนวโน้มอีกอย่างที่น่าสนใจ คือ การขีดเส้นแบ่งขอบเขตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเป็นเส้นแบ่งขอบเขตเทคโนโลยีของจีนและอเมริกา. โดยที่ผ่านมาการลงทุนของจีนในอเมริกาปรับตัวลดลงถึง 90% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา. และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ บริษัทเทคโนโลยีของจีนครองตลาดในประเทศจีน และ บริษัทของอเมริกาครองตลาดอเมริกา จึงทำให้ดูเหมือนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีขอบเขตพรมแดนมาข้องเกี่ยวมากขึ้น
3. การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
- ในบริบทของการปล่อยก๊าซคาร์บอน ในปัจจุบันเรายังดูเหมือนอยู่ห่างจากเป้าหมายของการลดก๊าซคาร์บอนอย่างมาก.
- บริษัททั้งหลายมีการลงทุนในโฆษณาเพื่อบ่งบอกถึงความรับผิดชอบทางสภาพแวดล้อมกันอย่างมากมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ โครงการใหม่หรือการวิจัยที่เกิดข้องกับพลังงานทางเลือก กลับมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา.
- การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงดูเหมือนเป็นการโหมโฆษณามากกว่าการทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งแนวโน้มการจัดการให้เป็นรูปธรรมดังกล่าวน่าจะได้รับการจับตามากชึ้นในอนาคต ท่ามกลางกระแสเรียกร้องของภาคสังคม.
ที่กล่าวมานี้คือ ตัวอย่างของการดีลทางธุรกิจที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และแนวโน้มที่น่าจับตามองในอนาคตข้างหน้า ทั้งนี้ธุรกิจคงต้องมองเฝ้าดูแนวโน้มที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับตัวและตอบสนองต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เกิดประโยชน์สูงสุด.
#business #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy
Ref.- "What the Biggest Business Deals of 2019 Tell Us About the Nexxt Decade" by Benjamin Gomes-Casseres
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น