#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business . วิกฤตเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแบบซ้ำซาก เมื่อวิกฤตที่เกิดขึ้นเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้วแต่กลับเกิดขึ้นมาใหม่ ดูแล้วไม่จบสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นมักเป็นความตระหนกของผู้คน โดยถึงแม้ว่าเราจะผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว แต่เรากลับทำตัวและรู้สึกเหมือนยังเกิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวเราสามารถแบ่งช่วงเวลาออกเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อบริหารจัดการได้ดังนี้ . ช่วงระยะของความตกใจ - ช่วงเวลานี้เรามักหมดเวลาไปกับการติดตามข่าวคราวต่างๆ ที่ดูเหมือนกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต โดยเราควรพิจารณาเลือกรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นข่าวสารในลักษณะช่วยเติมพลังให้กับตัวเรา เป็นข่าวสารที่รู้แล้วช่วยให้เราทำอะไรบางอย่างให้ดีขึ้นได้. หากเป็นสิ่งที่เรารู้แล้วจะเอาไปปรุงแต่งเป็นเรื่องในแง่ลบ ก็ควรที่จะลดการรับรู้ลง เพื่อบรรเทาความเครียด . ช่วงระยะการตอบสนองต่อวิกฤต - ช่วงเวลานี้เราควรตระหนักไว้ว่าการหาหนทางรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เป็นเสมือนการวิ่งระยะทางไกล ซึ่งจะเจอสิ่งซ้ำๆ ได้ตลอดทางที่ไป และไม่ควรหวังว่าจะมีทางลัดให้จบได้เร็วขึ้น. ดังนั้นการวิ่งทางไกล เราจึงควรคิดหาหนทางให้รอบคอบ ตุนพลังงานเอาไว้ และอย่าเทหมดกระเป๋าในรอบนี้ เพราะยังอาจจะมีรอบหน้าอีกต่อไป . ช่วงระยะประมวลผลของการตอบสนองวิกฤต - ช่วงระยะเวลานี้จะมีคนที่จะมาบอกว่าเป็นเวลาแห่งการสร้างนวัตกรรม เป็นเวลาแห่งการสร้างโอกาสจากวิกฤต อย่างไรก็ดีการคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าใหม่นั้น เราต้องคิดพาตนเองให้หลุดพ้นออกไปจากความหงุดหงิด ความกังวล ให้ได้เสียก่อน. สิ่งที่ควรทำในช่วงนี้คือ การทบทวนดูว่าอะไรบ้างที่เราทำแล้วและให้ผลดีกับชีวิตของเรา ให้จดจำไว้สำหรับทำต่อไปในครั้งหน้า หรืออะไรที่ทำแล้วเสียประโยชน์ ก็หยุดทำในครั้งต่อไป . ช่วงระยะปรับตัว ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างถาวรหลังวิกฤต - วิกฤตที่เกิดซ้ำซาก มักไม่มีการสิ้นสุดของระยะปรับตัว คือ เมื่อเราปรับตัวไปแล้ว วิกฤตก็ยังจะมาซ้ำอีกและต้องปรับตัวกันใหม่ ดังนั้นการยอมรับว่าการปรับตัวเป็นพลวัตเป็นสิ่งที่ควรทำ รวมถึงให้ตั้งความหวังไว้ว่าอีกไม่นานวิกฤตที่เกิดนี้ก็จะบรรเทาลงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา . 🙏🙏 อ้างอิง: 'อย่าหมดใจกับวิกฤตซ้ำซาก' บวร ปภัสราทร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน. ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น