ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

จาก fast fashion สู่ ultra-fast fashion (s.292)



#busguy #จดมาสรุปให้ฟัง #ธุรกิจแบ่งปัน

.

Fast Fashion เป็นโมเดลธุรกิจที่ใช้การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์แฟชั่นได้อย่างรวดเร็ว โดย brand fast fashion ที่มีชื่อเสียงได้แก่ H&M Zara และ Topshop ใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์ถึง 6 เดือน ในการออกแบบ ผลิต และส่งสินค้าไปวางจำหน่ายที่หน้าร้าน โดยจะมีสินค้าใหม่ในร้านทุกสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าเยี่ยมชมสินค้าบ่อยขึ้นและตัดสินใจซื้อสินค้าเพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์. นอกจากนี้ แบรนด์ fast fashion ยังนำเสนอสินค้าที่หลากหลายแต่มีจำนวนน้อยชิ้นเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการจัดการสินค้าคงคลัง.

.

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันได้มีโมเดลธุรกิจใหม่ในการบริหารห่วงโซ่อุปทานเกิดเป็น Ultra-Fast Fashion ซึ่งช่วยร่นระยะเวลาในการดีไซน์และผลิตสินค้าลงได้อย่างมาก โดยตัวอย่างในแบรนด์ Ultra-fast fashion ดังกล่าวได้แก่ Boohoo.com ASOS Missguided และ Fashion Nova ซึ่งสามารถผลิตและนำเสนอสินค้าได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งแบรนด์ Ultra-fast fashion ดังกล่าวจะมีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการที่สูงกว่า และมุ่งเน้นการทำธุรกิจ e-commerce จึงเข้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ดีและเร็วกว่าแบรนด์ fast fashion

.

ในด้านช่องทางการขาย แบรนด์ Ultra-fast fashion ส่วนใหญ่จะใช้โมเดล Direct to Consumer (DTC) มุ่งเน้นขายสินค้าออนไลน์ให้กลุ่มลูกค้า Millennials และ Gen Z ซึ่งการใช้โมเดลธุรกิจ DTC ทำให้แบรนด์ Ultra-fast fashion มีข้อได้เปรียบที่สินค้าที่ถูกผลิตสามารถนำเสนอให้แก่ลูกค้าให้ทันที และแบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าใหม่ได้ตลอดเวลา.

.

ในอีกมุมหนึ่งของอุตสาหกรรม ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาด้านแรงงานของอุตสาหกรรมถือเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง แต่ทั้ง Fast fashion และ Ultra-fast fashion ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคยังต้องการสินค้าใหม่ๆ และตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว. อย่างไรก็ดี แม้การลงทุนในกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนจะส่งผลให้ต้นทุนของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แต่การปรับปรุงกระบวนการผลิตก็จะช่วยส่งผลให้เกิดนวัตกรรมหรือโมเดลธุรกิจใหม่ ที่สามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ในทางบวก รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานได้


อ้างอิง: 'เมื่อ fast fashion ไม่เร็วพออีกต่อไป' SCB EIC

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

Word of the Year 2022 (s.540)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Word of The Year ที่นำเสนอโดยสำนักพิมพ์ดิกชันนารีออกฟอร์ด ซึ่งได้ประกาศออกมาโดยการใช้วิธีการโหวตออนไลน์ ได้คำว่า "goblin mode" ซึ่งหมายถึงชนิดของพฤติกรรมที่ตามใจตนเอง ขี้เกียจ ดูสกปรก ไร้ระเบียบ มีลักษณะทั่วไปที่ปฏิเสธแบบแผนของสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน. ➼ การตีความว่าคนอยู่ในโหมดของการเป็น goblin หมายถึงคนที่เลือกเองว่าจะอยู่ในโหมดของการเป็นคนสกปรก ขี้เกียจ ไม่สนใจสารรูปของตนเอง บริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และชอบอยู่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอก. ➼ สำหรับสำนักพิมพ์ดิกชันนารี Merriam-Webster ได้เลือก Word of the Year คำว่า "gaslighting" ซึ่งหมายความถึงการพยายามทำให้บุคคลหนึ่งรู้สึกไม่มั่นคงและสั่นคลอนในความเชื่อของตน จนทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นหรือมีประสบการณ์มิได้เกิดขึ้นจริง. ซึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง. ➼ สำนักพิมพ์ดิกชันนารี Collins เลือก "permacrisis" ซึ่งแปลว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงทน เพื่อเล่าสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่คาดเดาได้ยาก เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย. อ้างอิง: ...

Reserve Currency (s.538)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Reserve Currency คือ เงินตราต่างประเทศที่ธนาคารกลางและสถาบันการเงินใหญ่ๆ ในโลกถือไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการค้า การลงทุนและการชำระหนี้ระหว่างประเทศ. ➼ ตั้งแต่ปี 1944 มี 44 ประเทศได้ตกลงกันที่เมือง Bretton Woods ที่จะให้ดอลลาร์เป็นเงินตราที่จะใช้ในธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยประเทศต่างๆ จะผูกค่าเงินของตนไว้กับดอลลาร์ และดอลลาร์ก็จะผูกไว้กับทองคำอีกต่อหนึ่ง ในอัตรา 35 ดอลลาร์ต่อทองทำ 1 Troy Ounce นี่เป็นจุดกำหนดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate System). ➼ ในปี 1973 ประธานาธิบดีนิกสันได้ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Flexible Exchange Rate System) โดยแม้ดอลลาร์จะไม่มีทองคำหนุนหลัง แต่ดอลลาร์ก็ยังคงเป็น reserve currency หลักของโลกมาตลอดมาตลอดเกือบ 80 ปี เพราะสภาพคล่องที่มีสูงมาก. ➼ สหรัฐถือเป็นประเทศที่ได้เปรียบทุกประเทศในการที่สามารถใช้เงินของตนทำธุรกรรมต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี ในระยะยาว ยังมีคำถามที่เกิดขึ้นคือ ดอลลาร์อาจสูญเสียความเป็น reserve currency หลักของ...