
มีบทความที่น่าสนใจบทความหนึ่ง โดย "เอคเซนเซอร์" ซึ่งได้คาดการณ์แนวโน้มผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น โดยเป็นแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับเรา 5 ด้านซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมในปัจจุบันและรวมถึงอนาคต ประกอบด้วย
1. ต้นทุนของความมั่นใจ - ผู้คนทั่วไปจะมีความรู้สึกว่าบุคคลหรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอาจถือเป็นภัยที่มองไม่เห็น ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินทางพักผ่อนช่วงวันหยุด หรือการเดินทางไปทำงานต่างถิ่น. โดยผู้คนจะเริ่มประเมินความเสี่ยงของสิ่งที่อยู่ห่างออกไปมากขึ้นและเห็นค่าของสิ่งที่คุ้นเคย. ดังนั้น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อสร้างและฟื้นฟูความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่สร้างความมั่นใจและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคจะเป็นธุรกิจที่ผู้คนให้ความเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจกลับมา.
2. ศตวรรษแห่งความเสมือนจริง - การที่เกิดโรคระบาดและถูกทำให้ต้อง lockdown ตนเองอยู่ที่บ้าน เป็นจุดหนึ่งที่ผลักดันให้ผู้คนเข้าสู่โลกเสมือนหรืออนไลน์มากขึ้น ทั้งการสื่อสาร การเรียน การทำงาน การทำธุรกรรม และการบริโภค เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นกับคนทุกเพศและทุกวัย. ทั้งนี้การที่ผู้คนใช้ดิจิตอลเพิ่มมากขึ้นจะทำให้เกิดความเคยชิน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือการที่ธุรกิจพยายามสร้างโลกแห่งประสบการณ์เสมือนจริงมากขึ้น ทำให้การมีข้อจำกัดลดน้อยลง เพื่อแย่งชิงผู้บริโภคในโลกเสมือนนอกเหนือจากการแข่งขันในโลกจริง.
3. ธุรกิจจะกลายเป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพ - แม้โรคระบาดจะเริ่มถูกจำกัดมากขึ้น และผู้คนเริ่มทยอยกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ความเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพนั้น ยังไม่ลดลงเท่าไหร่นัก และมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพจะมีการพัฒนามากขึ้น โดยเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และสิ่งเหล่านั้นอาจขยายไปถึงสินค้าทั่วไปที่จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพหรือความสะอาดมากขึ้น.
4. ใช้ชีวิตในพื้นที่ส่วนตัว - การที่เราต้องอยู่กับบ้านและใช้เวลาในการทำงานหรือใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ทำให้หลายคนจะเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในลักษณะดังกล่าวและรู้สึกถึงความสะดวกสบายและความมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับการต้องออกเดินทางไปทำงาน ผจญกับปัญหาการจราจรและชีวิตที่ยุ่งเหยิงในที่ทำงาน. ประเด็นที่ผู้คนจะให้ความสำคัญต่อไป คือ การใข้ชีวิตในพื้นที่ส่วนตัว พร้อมกับการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ สำหรับคนที่มีไอเดียสร้างสรรค์. ผู้ชนะจะเป็นคนที่เน้นโอกาสเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่บ้าน.
5. การปรับอำนาจบริหารจัดการ - จากที่เราพบเห็นในช่วงวิกฤต รัฐบาลได้เพิ่มอำนาจให้กับส่วนกลางมากขึ้นและใช้อำนาจในการบริหารที่ประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตาม. ดังนั้นหากรัฐบาลบริหารจัดการวิกฤตโดยรวมได้เหมาะสม แนวการควบคุมจากบนลงล่างมีแนวโน้มจะกลับมาอีกครั้ง แต่หากจัดการไม่ดีก็จะกลายเป็นแบบล่างขึ้นบน. ทั้งนี้การปรับอำนาจบริหารอาจจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่เริ่มผ่อนคลาย lockdown โดยอาจมีการยอมรับบทบาทของภาครัฐและองค์กรต่างๆ ในสังคมมากขึ้น รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการร่วมมือในการทำงานกันเพิ่มขึ้นในอนาคต.
ดังนั้นองค์กรต่างๆ ควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อมีตัวเร่งปฏิกิริยาจากวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ ซึ่งหากธุรกิจมีเตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพ การฟันผ่าของธุรกิจภายหลังวิกฤตย่อมไม่ยากจะเกินไป.
#busguy
#ธุรกิจแบ่งปัน #business
สรุปจาก "รับฟัง-ปรับทิศ-เรียนรู้-ประเมินใหม่ รับมือโรคป่วนสูตร เอคเซนเชอร์" กรุงเทพธุรกิจ 12 พ.ค.63
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น