#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business
.
มีงานวิจัยจาก Stanford ที่ได้ออกมานานแล้วพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่จะมองการกระทำของผู้นำในขณะที่เผชิญกับสถานการณ์วิกฤตไปในทางลบมากกว่ายามปกติ เนื่องจากโดยคนในยามวิกฤตนี้ต้องการหาเป้าหมายในการระบายเพื่อลดความเครียด และเป้าหมายหนึ่งที่หาได้ง่ายที่สุดคือตัวผู้นำของพวกเขา ทั้งนี้ คำแนะนำหนึ่งสำหรับผู้ที่เป็นผู้นำในยามวิกฤตที่ลำบากนี้คือ ให้ยึดหลัก 4 ประการได้แก่ พยายามทำให้ผู้คนสามารถคาดการณ์ได้ สร้างความไว้วางใจให้ผู้คน ให้คนมีอำนาจควบคุมอนาคตของตนเอง และการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น.
.
สิ่งแรกๆ ที่ผู้คนคาดหวังที่จะได้รับรู้คือ การที่วิกฤตจะมาเมื่อไรและจะจบสิ้นเมื่อไร ผู้นำที่ดีต้องคาดการณ์และแจ้งเตือนคนของตนให้ทราบในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้นำที่แย่มักจะไม่บอกอะไรล่วงหน้าหรือต้องอยู่กับวิกฤตอีกเท่าไร แต่มักบอกให้ทนทำอย่างนั้นอย่างโน้น. การสร้างความเข้าใจที่กระจ่างจะช่วยให้คนเราลดการคิดไปเอาเอง โดยการสร้างความเข้าใจในคนจำนวนมากต้องมีหลักฐานปรากฏให้เห็น และเป็นคำพูดที่เข้าใจได้ไม่ยากในยามที่คนกำลังตระหนกกังวล.
.
การปล่อยให้คนได้ตัดสินใจได้เองให้สามารถควบคุมผลของการตัดสินใจนั้น จะเป็นผลดีกับภาพลักษณ์ของผู้นำ ในวิกฤตหากมีอะไรที่ปล่อยให้กระจายการตัดสินใจให้กับผู้คนได้ ก็ควรปล่อยสำหรับกรกำหนดอนาคตของพวกเขา โดยไม่ควรทำคนรู้สึกว่าเป็นแค่เบี้ย ที่จะนำเขาไปอยู่หรือทำอะไรก็ได้ หลีกเลี่ยงจากยึดติดในหลักของตนของผู้นำเพียงอย่างเดียว. สุดท้ายการเห็นอกเห็นใจ จะอยู่บนพื้นฐานของการแสวงหาความร่วมมือต่างๆ ลดทอนการบังคับบัญชา ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนลดความรู้สึกของความเป็นพิษในตัวผู้นำ. ทั้งนี้ ในยามวิกฤตผู้คนคาดหวังในตัวผู้นำมากกว่าปกติ ดังนั้นผู้นำควรต้องกระทำตนในทางลบให้น้อยกว่าที่เคยทำมา.
.
🙏🙏
อ้างอิง: 'ใครว่า 'ผู้นำ' เป็นพิษ' บวร ปภัสราทร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น