#busguy #จดมาสรุปให้ฟัง #ธุรกิจแบ่งปัน
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับการพัฒนาของอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำอย่างเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) เป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก. ทั้งนี้หากมองในความหมายของมัน เซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างสารตัวนำไฟฟ้าและฉนวน.
.
เนื่องจากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์มีกระบวนการที่ซับซ้อนตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมไปถึงการที่ต้องมีเงินทุนและทรัพยากรมนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากมาย จึงทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันมีผู้เล่นที่จำนวนน้อยราย โดยในอดีตนั้น Intel ถือว่าเป็นผู้ผลิตที่ครองอันดับ 1 จากการเป็นผู้ผลิตซิพสำหรับคอมพิวเตอร์มาอย่างยาวนาน. อย่างไรก็ดี จากการเติบโตของตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำให้มีบริษัทเช่น Samsung ก้าวขึ้นมาทำรายได้นำ Intel ได้สำเร็จในปี 2017 และมีคู่แข่งที่สำคัญเช่น TSMC ของไต้หวันตามมา.
.
การเติบโตของธุรกิจ เช่น Data Center, Cloud Computing และ IoT ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนซิพทั่วไปในขณะนี้. โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ผู้ผลิตหลายรายจำเป็นต้องปรับลดการผลิตรถยนต์ในบางรุ่น เนื่องจากขาดแคลนซิพในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของรถยนต์.
.
ทั้งนี้บริษัทใหญ่ๆ เช่น TSMC และ Intel ได้คาดการณ์ว่าปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์จะคงอยู่ในจนถึงปลายปี 2022 ก่อนที่สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นในปี 2023 ซึ่งความเปราะบางและความซับซ้อนของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะยังคงเป็นจุดอ่อนที่ต้องใช้เวลานานในการแก้ไข จึงจำเป็นสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาครัฐในประเภทมหาอำนาจต้องวางแผน กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อลดผลกระทบในอนาคตต่อไป
.
🙏🙏
อ้างอิง: 'SEMICONDUCTORS' จรีพร จารุกรสกุล กรุงเทพธุรกิจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น