ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เทคโนโลยี กับ การแก้ปัญหาโควิด (s.285)

 


#busguy #จดมาสรุปให้ฟัง #ธุรกิจแบ่งปัน

.

ในสถานการณ์โควิด-19 นี้ เราจะได้เห็นและพบว่ามีประเทศจำนวนมากได้นำข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิตอลมาช่วยในการบริหารจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งการป้องกันการระบาดและการเยียวยา โดยมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจจำนวน 6 เรื่อง ได้แก่

.

1. เทคโนโลยีการติดตามและประเมินอาการด้วยตัวผู้ใช้เอง (Self-Assessment/Symptom Tracking) - เป็นระบบที่ให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับอาการ พฤติกรรมเสี่ยง เพื่อประเมินอาการติดเชื้อ

2. เทคโนโลยีช่วยระบุตัวตนคนที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย - ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการหยุดยั้งการระบาด ซึ่งปกติการตรวจหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงนั้น จะทำโดยการผ่านการสัมภาษณ์. การใช้เทคโนโลยีนี้ผ่านข้อมูลจากสมาร์ทโฟนที่เก็บข้อมูล location จึงช่วยเพิ่มความสะดวกในการหากลุ่มเสี่ยงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

3. เทคโนโลยีวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของประชากรและพฤติกรรมการเดินทาง (Modelling and Mapping Population Flows) - เป็นการประเมินและหาฮอตสปอตของการติดเชื้อ เพื่อช่วยกำหนดนโยบายการกักตัวหรือการปิดสถานที่ได้อย่างเหมาะสม

4. การนำข้อมูลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ประยุกต์ใช้ในมาตรการกักตัว (Surveillance and Enforcement) - เช่น ในประเทศจีน มีแอพพลิเคชันเช่น Ali Health Code ที่นอกจากสามารถประเมินความเสี่ยงการติดโรคแล้ว ยังมีการเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ทำให้สามารถดำเนินการมาตรการควบคุมได้ทันที หากเกิดการละเมิดมาตรการกักตัว

5. การสื่อสารกับประชาชน - เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจและทัศนคติที่เหมาะสมในการปรับตัวช่วงวิกฤต ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในยามวิกฤต. โดยเป็นการนำข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมาศึกษาทัศนคติและความกังวลของประชาชน และนำมาใช้ในโครงการต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษาทางไกลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

6. การใช้ Alternative Data เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแบบเจาะกลุ่ม - เป็นการทำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยระบุตัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เกิดการเยียวยาแบบเจาะกลุ่มแทนการเยียวยาแบบกระจาย ที่แม้ว่าจะทั่วถึงแต่เงินเยียวยาอาจไม่เพียงพอ

.

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาได้นั้นควรต้องดำเนินร่วมกับกลไกกฎหมายและนโยบาย โดยมุ่งตอบโจทย์เรื่องความเท่าเทียมกัน เน้นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างถ้วนหน้า และที่สำคัญคือการไม่ต้องทิ้งคนกลุ่มใดไว้ข้างหลัง

 

อ้างอิง: 'แก้โควิด-19 ด้วยข้อมูล บทเรียนจากนานาชาติ' ประกาย ธีระวัฒนากุล กรุงเทพธุรกิจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

หงส์ดำ แรดเทา ความเสี่ยง (s.257)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business . สัตว์สองตัวที่มักถูกนำมาเรียกเปรียบเปรยในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 นี้ได้แก่ หงส์ดำ (Back Swan) และ แรดเทา (Grey Rhino) ซึ่งมีนอกเหนือจากที่มีการเปรียบเปรยแล้ว ยังมีการถกเถียงกันถึงเรื่องว่าเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิดนี้ควรจัดเป็นเหตุการณ์ลักษณะของ หงส์ดำ หรือ แรดเทา กันแน่ โดยเหตุการณ์ทั้งสองถือเป็นสิ่งเราควรเรียนรู้ในเรื่องของการบริหารความเสี่ยง . เรื่องของ หงส์ดำ มีมาช้านานแล้ว โดยใช้เปรียบเปรยในลักษณะของเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในอดีตนั้น คนส่วนใหญ่จะคิดว่าหงส์จะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ดังนั้นหงส์ดำจึงเป็นสิ่งนอกความคิดหรือเป็นไปไม่ได้. อย่างไรก็ดี เมื่อต่อมาได้มีการค้นพบหงส์ดำเกิดขึ้นจริง การเปรียบเปรยหงส์ดำก็กลายเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรือไม่น่ามีทางเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นไปได้. ทั้งนี้เหตุการณ์ที่จะเป็นหงส์ดำต้องมีลักษณะ 1.เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ข้อมูลในอดีตไม่มีการบ่งบอกที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น 2. มีผลกระทบที่รุนแรง และ 3. เมื่อมันเกิดขึ้นจริง แล้วเรามองย้อนกลับไป ก็จะสามารถหาเหตุผลมาอธิบายการเกิดข...

Word of the Year 2022 (s.540)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Word of The Year ที่นำเสนอโดยสำนักพิมพ์ดิกชันนารีออกฟอร์ด ซึ่งได้ประกาศออกมาโดยการใช้วิธีการโหวตออนไลน์ ได้คำว่า "goblin mode" ซึ่งหมายถึงชนิดของพฤติกรรมที่ตามใจตนเอง ขี้เกียจ ดูสกปรก ไร้ระเบียบ มีลักษณะทั่วไปที่ปฏิเสธแบบแผนของสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน. ➼ การตีความว่าคนอยู่ในโหมดของการเป็น goblin หมายถึงคนที่เลือกเองว่าจะอยู่ในโหมดของการเป็นคนสกปรก ขี้เกียจ ไม่สนใจสารรูปของตนเอง บริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และชอบอยู่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอก. ➼ สำหรับสำนักพิมพ์ดิกชันนารี Merriam-Webster ได้เลือก Word of the Year คำว่า "gaslighting" ซึ่งหมายความถึงการพยายามทำให้บุคคลหนึ่งรู้สึกไม่มั่นคงและสั่นคลอนในความเชื่อของตน จนทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นหรือมีประสบการณ์มิได้เกิดขึ้นจริง. ซึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง. ➼ สำนักพิมพ์ดิกชันนารี Collins เลือก "permacrisis" ซึ่งแปลว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงทน เพื่อเล่าสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่คาดเดาได้ยาก เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย. อ้างอิง: ...