#busguy #จดมาสรุปให้ฟัง #ธุรกิจแบ่งปัน
.
ปัญหาขององค์กรส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ "วิสัยทัศน์ร่วม" ขององค์กร ซึ่งบุคลากรส่วนใหญ่ในองค์กรไม่ได้รับรู้ด้วย เนื่องจาก "วิสัยทัศน์ส่วนตัว" ของผู้ปฏิบัติงานไม่สอดคล้องกับ "วิสัยทัศน์องค์กร" คือ ทำให้เป้าหมายของส่วนตัวกับเป้าหมายของส่วนรวมไปด้วยกันไม่ได้. โดยคนที่ประสบความสำเร็จต่างมี "วิสัยทัศน์" ที่ชัดเจน โดยมีวิสัยทัศน์ส่วนตัวที่สอดรับกับวิสัยทัศน์ขององค์กร.
.
โดยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนมุ่งเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อก้าวสู่ "เป้าหมายเดียวกัน" ขององค์กร. ซึ่งในปัจจุบันองค์กรจำนวนมากมักจะให้พนักงานมีส่วนร่วมในการกำหนด "วิสัยทัศน์ขององค์กร" ด้วย โดยวิสัยทัศน์ที่ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมกันกำหนดขึ้น จึงเป็น "วัสัยทัศน์ร่วม" ที่ทุกคนในองค์กรจะมีความผูกพันและเป็นเจ้าของร่วมกัน.
.
โดยที่ผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบันต้องพยายามให้พนักงานทุกคน "เข้าใจถึงวิสัยทัศน์ขององค์กร" อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็จะต้องพยายามทำให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นวิสัยทัศน์ของพนักงานทุกคนในองค์กรอีกด้วย เพื่อให้เป็น "วิสัยทัศน์ร่วม" ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงความฝันของผู้บริหารแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น. นอกจากนี้ เราทุกคนยังควรต้องมี "วิสัยทัศน์ส่วนบุคคล" เพื่อความก้าวหน้าที่ชัดเจนด้วยว่าอีก 3 ปี หรือ 5-10 ปี ข้างหน้า เราจะมีตำแหน่งอะไร หรือเป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น. และที่สำคัญยิ่งคือ เราต้องทำอย่างไรในวันนี้ จึงจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ภายในเวลาที่กำหนดไว้.
.
ดังนั้น "วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน" ทั้งของส่วนบุคคลและขององค์กรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวขององค์กรหนึ่งๆ เพราะเป็นเหมือน "เป้าหมายร่วม" ที่ทั้งองค์กรและพนักงานจะต้องไปให้ถึงภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้
.
อ้างอิง: 'วิสัยทัศน์ร่วม' วิฑูรย์ สิมะโชคดี, กรุงเทพธุรกิจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น