ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2020

การเติบโตของ Recommerce : ทำไมสิ่งที่เก่ากลับดูใหม่อีกครั้ง (s.28)

Recommerce เป็นการเรียกการสร้างคุณค่าจากสิ่งของที่เคยซื้อไปแล้ว ให้กลับมามีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคอีกครั้ง. ซึ่งรูปแบบการขายแบบดั้งเดิมนั้น จะเป็นตลาดสำหรับการซื้อขายสินค้าที่ใหม่ (มือ 1) ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่. อย่างไรก็ดีในช่วงที่่ผ่าน เช่น ธุรกิจแฟชั่น recommerce ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่า การขายใหม่ หรือสินค้าราคาประหยัด ได้กลายเป็นตลาดที่ใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกไปแล้ว. กลุ่มคนในรุ่นของเจนมิลเลนเนี่ยน (คือคนที่เกิดปีระหว่าง 1980-2000) หรือกลุ่มเจนซี (Gen Z, คนที่เกิดช่วงปี ค.ศ. 1986-1995) ชอบที่จะเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าราคาประหยัดหรือร้านค้าฝากขาย โดยไม่ได้รู้สึกลำบากใจหรือเขอะเขินในการเข้าร้านดังกล่าว แต่พวกเขารู้สึกถึงความมีส่วนร่วมและมีภาพลักษณ์แสดงถึงตัวตนในกระแสของการชอปปิ้งในสถานที่เหล่านี้. ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแส recommerce มาแรง คือ การการตระหนักเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคมในเรื่อง ที่มีความคิดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นส่งผลกระทบทางลบต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่กังวลอย่างมากในกลุ่มคนที่อายุไม่มาก. นอกจากนี้ในหลายร้าน...

วิธีเพิ่มความรับรู้ในตัวคุณในการประชุมออนไลน์ (s.27)

วิธีการสื่อสารที่ใช้ได้ดีในห้องประชุมอาจไม่สามารถใช้ได้ดีบนการประชุมออนไลน์หน้าจอคอมพิวเตอร์. การประชุมออนไลน์นั้นถือได้ว่าเป็นบริบทที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การประชุมแบบตัวต่อตัวหรือการเรียนการสอนออนไลน์. การเพิ่มการรับรู้ในตัวคุณเมื่อต้องใช้การสื่อสารออนไลน์ เช่น Zoom, Skype หรือ โปรแกรมประชุมอื่นๆ ไม่เพียงแต่ต้องการกลยุทธ์การมีส่วนร่วมในการประชุม แต่ยังต้องระวังไม่ให้ตัวคุณเองถูกทำให้เข้าใจผิดเมื่อต้องประชุมผ่านสื่อออนไลน์. ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณมีส่วนร่วมในการประชุมออนไลน์ที่ดี มีคำแนะนำที่ประโยชน์ 6 ข้อดังนี้ 1. เพ่งไปที่กล้อง ไม่ใช่มองที่ผู้เข้าประชุมในจอ - การสบตามองไปที่ผู้ฟังในขณะที่นำเสนอเป็นเทคนิคที่สำคัญที่ส่งเสริมสนับสนุนหัวข้อการพูดของคุณ. อย่างไรก็ดี ในการประชุมออนไลน์การสบตามองหมายถึงการมองไปที่กล้อง ไม่ใช่ที่ภาพคนฟังในหน้าจอ. ดังนั้นคุณควรฝึกฝนให้เพ่งมองไปที่กล้องระหว่างการประชุมเมื่อคุณเป็นผู้พูดให้คล่อง เพื่อไม่ให้พลาดไปมองในหน้าจอในขณะประชุม. 2. ใช้น้ำเสียงที่เข้มแข็ง - น้ำเสียงที่ดังกว่าปกติจะถ่ายทอดความน่าเชื่อถือและความมั่นใจออกมา ซึ่งแ...

รูปแบบการพูดนำไปสู่อคติของการจ้างงาน (s.26)

งานวิจัยพบว่า เมื่อต้องตัดสินใจในการเลื่อนตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดใหญ่ให้น้ำหนักกับปัจจัยที่ไม่ชัดเจน เช่น "ความเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์กร" มีความสำคัญเท่ากับปัจจัยทางด้านทักษะของการทำงาน. นอกจากนี้หลักเกณฑ์ที่นอกเหนือจากความรู้ ความสามารถ หรือผลงานได้ถูกนำมาใช้ในการพิจารณาจ้างงานระหว่างองค์กร อุตสาหกรรม และทีมผู้บริหารอีกด้วย. เป็นเวลานานแล้วที่นักจิตวิทยาได้ค้นพบความโน้มเอียงของมนุษย์ที่เกิดจากการที่คนหนึ่งสังเกตพฤติกรรมของอีกคนหนึ่งเพียงช่วงสั้นๆ ซึ่งสังเกตถึงรูปลักษณ์ ท่าทาง ภาษากาย และสไตล์การพูด นำไปสู่การตัดสินลักษณะของคนที่ถูกสังเกตนั้น และทำความเข้าใจว่าคนนั้นเป็นอย่างไร. ระดับทางสังคมเป็นกระบวนการสร้างการรับรู้ โดยมีงานวิจัยพบกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระยะเวลาเพียง 60 วินาที ระหว่างผู้ที่ไม่รู้จักกัน 2 คน เพียงพอที่จะนำไปสู่การประเมินการรับรู้รายได้ของผู้ปกครองและการศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีนั้น. ในการศึกษาหนึ่ง โดยให้คนจำนวน 274 คนที่มีประสบการณ์การจ้างงาน และให้พวกเขาฟังคำพูด 25 วินาทีจากผู้สมัครเพื่อรับเข้า...

การทำงาน ความเชื่อของผู้จัดการกับการออกแบบที่ทำงาน (s.25)

อดัม สมิท ได้ให้สมมุติฐานว่าโดยทั่วไปแล้วคนเราจะขี้เกียจและทำงานเพียงเพื่อเงิน โดยเชื่อว่าคนเราจะมีการปรับตัวไปตามเงื่อนไขของงาน. อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความเชื่อนี้กลับพบว่า สิ่งที่เหลือในที่ทำงานคือ การสร้างที่ทำงานที่ดูเหมือนไร้จิตวิญญาณและลดความเป็นมนุษย์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน. งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้แสดงให้เห็นถึงว่า โดยทั่วไปแล้วคนเรามักไม่คิดว่า "ตัวเอง" ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงจูงใจทางวัตถุ แต่พวกเขากลับคิดว่า"คนอื่นๆ" นั้นตกอยู่ภายใต้แรงจูงใจดังกล่าว. สิ่งที่น่าประหลาดใจ คือ ได้มีการสำรวจเรื่องความสำคัญของปัจจัยในงานที่ทำโดยให้เลือกจาก ค่าตอบแทน ความมั่นคง เวลาว่าง โอกาสก้าวหน้า และ ความสำคัญของงานที่มีต่อคนอื่น. ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตพบว่า "ความสำคัญของงาน" มักจะมาเป็นตัวเลือกแรก โดยกว่า 50% ของผู้ตอบคำถามเลือกเป็นปัจจัยหลักเสมอ. อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายยุค 1980s ได้มีการสอบถามเรื่องการที่คุณคิดว่า "ค่าตอบแทน" มีความสำคัญต่อ "คนอื่น" มากแค่ไหน สิ่งที่น่าประหลาดใจคือผู้คนกลับคิดว่าค่าตอบแทนมีความสำคัญต่อคนอื่...

เทคนิค 8 ข้อ ที่ช่วยให้คุณสร้าง รักษา และใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ในเรื่องงาน (s.24)

สิ่งที่อาจเป็นข้อผิดพลาดสำหรับคนทำงานโดยทั่วไป คือ การแบ่งแยกความสัมพันธ์ส่วนตัว กับ ความสัมพันธ์ในเรื่องงานออกจากกัน. โดยเราควรมองความสัมพันธ์ทั้งสองให้เป็นองค์รวมไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน ซึ่งการจัดการความสัมพันธ์ที่ดีนั้นจะไม่เพียงมีประโยชน์ต่ออาชีพการทำงานของคุณแต่ยังมีประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของคุณด้วย. เทคนิคในการจัดการดังกล่าว ได้แก่ สร้างความสัมพันธ์ในทางกว้าง - คุณไม่ควรที่จะเลือกว่าใครที่มีหรือไม่มีประโยชน์กับคุณโดยดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน. ทั้งนี้คุณไม่สามารถทราบได้เลยว่าใครที่อาจช่วยเหลือคุณได้ทั้งในเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอาชีพในอนาคต. การรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในวงกว้างจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดในระยะยาว. สร้างแรงเหวี่ยงของความสัมพันธ์แบบทวีคูณ - ข้อดีอย่างหนึ่งของการพยายามสร้างความสัมพันธ์ คือ ผลลัพธ์ของการที่คุณพยายามสร้างความสัมพันธ์มักจะช่วยให้คุณมีโอกาสขยายความสัมพันธ์ออกไปจากคนกลุ่มหนึ่งไปอีกกลุ่มหนึ่ง. ซึ่งการทำดังกล่าวจะเป็นเหมือนการสร้างแรงเหวี่ยงให้คุณสามารถสร้างเครือข่ายให้เร็วมากขึ้น. เสริมสร้างความแข็งแรงในจุดที่อ่อนแอ - หลายคร...

การทำงาน ทางเลือกอื่นของแรงจูงใจ (s.23)

ความแตกต่างระหว่างงานที่ดีกับงานที่แย่ไม่ได้ขึ้นกับตัวงานที่คุณทำ แต่ขึ้นกับบริบทของงานนั้นๆ ที่คุณทำมากกว่า. งานที่ต้องทำงานในที่เล็กๆ อากาศร้อนๆ บางคนก็คิดว่าเป็นงานที่ดี ในขณะที่งานที่ทำในห้องแอร์ อยู่ในออฟฟิตที่ตกแต่งอย่างทันสมัยก็อาจถูกมองว่าเป็นงานที่แย่ได้ โดยทั่วไปงานดีๆ จะเปลี่ยนเป็นงานแย่ๆ ได้จากสมมุติฐานที่ผิดเกี่ยวกับงานที่ว่าคนทั่วไปไม่อยากลุกขึ้นมาตอนเช้าเพื่อไปทำงาน ดังนั้นเราจึงต้องคอยสอดส่องตรวจตราและมอบแรงจูงใจเพื่อให้ทำงาน มุมของของอดัม สมิท มองว่าคนเรานั้นมีความขี้เกียจโดยพื้นฐานและไม่ชอบทำงาน ดังนั้นการให้งานที่ต้องทำซ้ำๆ จึงไม่ได้เป็นการเอาเปรียบแต่อย่างใด และค่าจ้างคือสิ่งที่จะช่วยจูงใจให้คนทำงานอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ระดับเงินเดือนมีผลน้อยมากต่อความพึงพอใจในงานหรือความพึงพอใจต่อค่าตอบแทน. ค่าจ้างจึงไม่อาจทดแทนสิ่งที่เสียไปจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งคนทำงานต้องทนอยู่กับงานที่ไม่ได้เป็นมากกว่าความจำเจ. ความคิดดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า การวางโครงสร้างการทำงานที่ดีจะช่วยให้คนงานได้รับโอกาสหาความ...

ผู้นำจำเป็นต้องปรับตัวเมื่อ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน (s.22)

การผลสำรวจล่าสุดที่สำรวจศิษย์เก่าโรงเรียนบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจำนวน 5,700 คนพบว่า 52% ของผู้ถูกสำรวจเชื่อว่า บริษัทโดยทั่วไปจะมีพนักงานจำนวนที่ลดน้อยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า. ซึ่งการถือกำเนิดของ AI จะสร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ต่อผู้นำในธุรกิจ. โดยจากงานวิจัยโดยห้องปฏิบัติการ MIT-IBM Watson AI ได้แสดงถึงแนวโน้มที่รูปแบบของงานจะเปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของ AI. ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว ทำเราสามารถใช้ในการวางแผนงานสำหรับผู้นำองค์กรในการปรับกำลังแรงงานและจัดสรรทรัพยากรใหม่ ในขณะที่ยังสร้างกำไรให้แก่องค์กรต่อไป. ทั้งนี้หัวใจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในขณะที่ยังรักษาวัตถุประสงค์ขององค์กรไว้ได้ ประกอบด้วยกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ การปรับสมดุลของทรัพยากร, ลงทุนในการฝึกอบรบทักษะใหม่ (reskill) ให้กับแรงงาน, และการสร้างแบบจำลองใหม่สำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) การจัดสรรทรัพยากร - จากการศึกษาพบว่า อาชีพ (career) จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ แต่ชิ้นเนื้องาน (task) จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่อย่างรวดเร็ว - ทั้งนี้อาชีพ (career) อาจมองได้ว่าเป็นการรวบรวมกลุ่มของเนื้องาน (ta...

การรู้จักตนเองเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลสำเร็จของการอภิปรายของทีม (s.21)

แนวคิดของการรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มคน คือ การรวบรวมความคิดการตัดสินใจของแต่ละบุคคล ซึ่งจะนำมาสู่ความถูกต้องที่แม่นยำของคำตอบมากยิ่งขึ้น. อย่างไรก็ดีมีกรณีที่การที่ผู้คนหลากหลายพูดคุยกัน กลับกลายเป็นทำให้ความถูกต้องในการตัดสินใจลดต่ำลง. ทั้งนี้แนวคิดของการรวมความของกลุ่มมาจากสติถิที่ว่า หากคุณถามคำถามที่ยากกับกลุ่มคน ซึ่งมีความคิดเป็นอิสระต่อกัน คำตอบที่ได้จากพวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบที่ผิด. แต่เมื่อนำคำตอบเหล่านั้นมาพิจารณาร่วมกัน จะพบว่าคำตอบที่ได้มาจะปราศจากความลำเอียงและไม่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งหมายถึงว่าความผิดพลาดของคำตอบของแต่ละบุคคลจะหักล้างกันเองโดยเฉลี่ย. อย่างไรก็ดี หากเรายินยอมให้ผู้คนได้มีการสนทนากันจะพบว่าคำตอบของพวกเขาเหล่านั้นจะเริ่มมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มฟังซึ่งกันและกัน. สิ่งนี้จะเป็นผลดีหากคนส่วนใหญ่ในกลุ่มดังกล่าวรับฟังบุคคลผู้ซึ่งมีความฉลาดมากที่สุดของกลุ่ม. แต่จะส่งผลในทางตรงข้ามหากผู้คนรับฟังบุคคลในกลุ่มซึ่งไม่ได้มีความรู้ แต่มีความสามารถชักจูงโน้มน้าวได้ดีกว่าบุคคลในกลุ่มคนอื่น. มีงานวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคน...

เติมเต็มให้กับการทำงานของคุณ (s.20)

คนทั่วไปมักมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงานที่ถือเป็นช่วงวิเศษอยู่ 3 เหตุการณ์ ได้แก่ (i) วันที่คุณเห็นงานที่คุณอยากทำประกาศรับสมัคร (ii) วันที่คุณได้ตอบรับให้เข้าทำงานดังกล่าว และ (iii) ในช่วงสัปดาห์แรกของการทำงาน.  โดยหลังจากที่คุณทำงานมาได้ระยะหนึ่งความรู้สึกวิเศษที่มีกับงานดังกล่าวก็มักจะจางลงหรือหายไป. บทความนี้มีเทคนิตปฏิบัติ 8 ข้อ เพื่อแนะนำให้งานที่คุณทำอยู่มีความหมายและน่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งยังอาจเติมเต็มให้ความรู้สึกของคุณได้ด้วย 1. อาสาสมัครเข้าร่วมในโครงการใหม่ : องค์กรโดยทั่วไปมักจัดตั้งทีมทำงานเล็กๆ เพื่อผลักดันโครงการหรือแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ซึ่งทีมงานดังกล่าวมักมาจากการขอความร่วมมือจากพนักงานปัจจุบัน. ดังนั้นเมื่อมีโอกาส คุณอาจเสนอตัวเข้าร่วมทำงานในโครงการดังกล่าว แต่ทั้งนี้งานนั้นควรเป็นงานที่สอดคล้องกับทักษะและความสนใจของคุณ. 2. ให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน : ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการแสดงความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานจะช่วยให้รู้สึกเติมเต็มในตัวคุณได้. 3. ให้เวลากับการชื่นชนคนอื่นอย่างมีความหมาย : ในการทำงาน การชื่นชมเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานจะไม่มีคำว่...

เมื่อคนเดียวสร้างนวัตกรรมได้ดีกว่าทีม (s.19)

งานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าการทำงานเป็นทีมสามารถสร้างผลงานได้เหนือกว่าการทำงานคนเดียวเมื่อเป็นการสร้างนวัตกรรมที่มีผลกระทบในวงกว้าง โดยพิจารณาจากจำนวนสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการที่มีการอ้างอิง โดยมีงานวิจัยได้ค้นพบว่าว่าปัจจัยที่ทำให้ทีมมีผลลัพธ์ที่เหนือกว่าบุคคลในการสร้างนวัตกรรม คือ ลักษณะโครงสร้างของสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ หรือการที่สิ่งประดิษฐ์นั้นสามารถแบ่งแยกเป็นส่วนประกอบย่อยหรือโมดูลได้หรือไม่. ทั้งนี้พบว่า สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Utility Patent) มีแนวโน้มที่จะพัฒนาก้าวหน้ามากเมื่อทีมนักประดิษฐ์ร่วมกันคิดค้น. อย่างไรก็ สำหรับกรณีการสร้างสรรสิทธิบัตรการออกแบบ (Design Patent) การร่วมคิดค้นทำงานเป็นทีมจะไม่ได้มีความได้เปรียบนัก โดยการทำงานคนเดียวมีแนวโน้มจะสร้างผลงานที่ดีมากกว่ารูปแบบของทีม. การทำงานคิดค้นคนเดียวมีความได้เปรียบที่การทำงานไม่มีข้อจำกัดเรื่องการติดต่อหรือวิธีในการทำงานร่วมกันกับคนอื่น ซึ่งความได้เปรียบนี้ถือเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าข้อได้เปรียบของการทำงานร่วมกันเป็นทีม เมื่อการประดิษฐ์คิดค้นเป็นลักษณะแบบองค์รวมเช่นในกรณีสิทธิบัตรการออกแบบ. ดังนั้น สำหร...

การทำงาน มุมมองและทัศนคติ (s.18)

คนโดยทั่วไปจะมองงานออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ (1) งานที่สร้างความพอใจไม่ได้มีพอสำหรับทุกคน หรือ (2) งานที่ไร้ความพึงพอใจ เป็นงานที่เราต้องยอมรับเพื่อแลกกับค่าจ้างหรือผลตอบแทนทางวัตถุ. ซึ่งแท้จริงแล้วการมองในลักษณะนี้ไม่ถูกต้องนัก. มุมมองต่องานที่เหมาะสมกว่า เราอาจแบ่งออกได้เป็น  (1) งานเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ (job) ซึ่งคนที่มีทัศนคติงานในลักษณะนี้มักมองงานว่าคือความจำเป็นในการใช้ชีวิต และทำงานเพื่อเงิน. (2) งานเป็นอาชีพ (career) ซึ่งคนในกลุ่มนี้มักมีเป้าหมายหลักคือ ความก้าวหน้า โดยมีเป้าหมายคือตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น. (3) งานเป็นสิ่งที่ใจเรียกร้อง (calling) คนในกลุ่มนี้จะมีความพึงพอใจในงานสูง มีความสุขกับการทำงาน โดยเขาเชื่อว่างานของเขามีประโยชน์ทำให้โลกดีนี้ขึ้น การแบ่งงานตามข้างต้นจะขึ้นกับความคิดหรือทัศนคติต่องานที่เรามีต่องานนั้นๆ ซึ่งก็คือขึ้นกับ "เรามองงานนั้นเป็นแบบไหน" ไม่ใช่ว่า "งานนั้นคืออะไร" ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่หากเรามีทัศนคติต่องานแล้ว งานประเภทไหนก็สามารถให้ความพึงพอใจกับเราได้ทั้งนั้น. ทั้งนี้งานทุกงานต่างมีศักยภาพใน...

การทำงาน จุดเริ่มต้น

หากคุณถามคนที่มีความสุขกับการทำงาน เงินแทบจะไม่ใช้เหตุผลหลักในคำตอบของพวกเขาเลย. อย่างไรก็ตามเราคงไม่ทำงานหากไม่ได้รับเงินตอบแทน แต่เงินก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก.. ทั้งนี้คนที่มีความสุขกับงานมักรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับงานที่ทำ รู้สึกว่าตัวเองไหลกับสายธารของการทำงาน. แต่มันไม่ใช่ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ของเวลา. คนเหล่านี้คิดว่างานของพวกเขาท้าทาย ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ. และทำให้ต้องออกจากความคุ้นชินเดิมๆ บ่อยครั้ง. เขาทำงานเพราะถือเป็นการเข้าสังคมอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่ทำงานในฐานะส่วนหนึ่งของทีม. แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่รองรับด้วยแนวคิดทางจิตวิทยาเกี่ยวกับการทำงานอย่างหนึ่งคือ หากคุณต้องการให้ใครซักคนทำอะไร คุณต้องเสนอผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับคนคนนั้น. ซึ่งกล่าวอีกอย่างว่ามนุษย์ปฏิบัติตามแรงจูงใจซึ่งสะท้ายผ่านการให้ "รางวัลและการลงโทษ"" มีการกล่าวว่า เหตุผลเดียวที่คนเราจะทำงานคือ เพื่อผลตอบแทน ซึ่งตราบใดที่ผลตอบแทนเหมาะสม จะเป็นงานใดก็ไม่สำคัญทั้งนั้น.. ดังนั้นเมื่อระบบทุนนิยมได้พัฒนาขึ้น. งานชนิดที่เคยให้ความพึงพอใจในเรื่องอื่นๆจึงถูกละเลย และทดแทนด้วยผลตอบแทนในรูปของตัวเงิน. ...

คุณผลักดันตนเองในการทำงานมากไป ?

ในการทำงาน เรามักต้องมีช่วงเวลาที่ทำงานหนักกว่าการทำงานในช่วงเวลาปกติทั่วไป โดยอาจเราต้องทำงานเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่าปกติอย่างต่อเนื่องหลายวันหรือหลายสัปดาห์. แต่เรามักรู้ว่าการทำงานหนักดังกล่าวจะเป็นเพียงชั่วคราว. อย่างไรก็ดีมีสัญญาณบางอย่างอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณกำลังผลักดันตนเองให้ทำงานหนักเกินไป ได้แก่ - คุณไม่มีเวลาที่จะหยุดพัก : การที่คุณผลัดวันหยุดพักผ่อนออกไป หรือทำงานในช่วงวันหยุดเป็นประจำ หรือไม่มีความคิดที่จะหยุดพักผ่อนบ้างเป็นครั้งคราว เหล่านี้คือสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณกำลังผลักดันตนเองในการทำงานอย่างมาก.  ทั้งนี้การให้เวลากับวันหยุดมากขึ้นจะช่วยไม่ให้คุณหมดไฟในการทำงาน (burn out)  อีกทั้งการหยุดพักบ้างเป็นครั้งคราว เช่น ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับการเติมพลังในตัวคุณ หรือการหยุดพักผ่อนบ้างในบางวัน เหล่านี้ก็ถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเรียกพลังการทำงานของคุณให้กลับคืนมา. - คุณไม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัว : เมื่อเราจดจ่ออยู่กับการทำงานที่ยาวนานเกินไป บ่อยครั้งที่การกระทำดังกล่าวจะไปบั่นทอนความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง. ดังนั้นหากคุณทำตัวออกห่าง ไม่พยายามหาเวลาใน...

ทางรอดของร้านอาหารระหว่างช่วงวิกฤตนี้ ?

ในสภาวะปัจจุบัน ประเด็นที่สำคัญที่เกิดกับผู้บริโภค คือ การที่ถามต้องถามตนเองว่ามันเป็นการคุ้มค่าไหมที่พวกเขาจะออกจากบ้านเพื่อหาซื้ออาหาร หรือ ควรอยู่ที่บ้านอย่างจริงจัง ในการหาทางรอดของร้านอาหาร เจ้าของร้านจำเป็นต้องหาหาทางใหม่ๆ เพื่อให้ตนเองรอดในสถานการณ์แบบนี้ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพของผู้บริโภค. โดยผู้เขียนได้แนะนำให้เจ้าของร้านอาหารด้วยวิธีง่ายๆ คือ " ลดราคา " โดยทั่วไป ต้นทุนของร้านอาหารคือต้นทุนจม (ซึ่งได้แก่ที่, อาคาร, ห้องครัว เป็นต้น) ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ต้องมีไม่ว่าร้านอาหารจะเปิดหรือไม่ ดังนั้นเป้าหมายในอีกประมาณช่วง 6 เดือนข้างหน้าคือการทำให้การขาดทุนต่ำที่สุดโดยเน้นที่ส่วนต่างกำไร (รายได้ ลบ ต้นทุนแปรผัน เช่น พนักงาน, วัตถุดิบ เป็นต้น) มีเหตุผลที่สนับสนุน 3 ประการในการปรับลดราคาอาหาร 1. การซื้อกลับบ้าน ถือเป็นการให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่ำ : ในขณะที่คุณค่าของการนั่งทานที่ร้านอาหาร คือ บรรยากาศ, บริการ, ประสบการณ์ทางสังคม  ดังนั้นเมื่อการซื้อกลับบ้านเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารในระดับที่ต่ำ จึงเหมาะสมที่ลดราคาเมื่อพิจารณาคุณค่าดังกล่าว 2. อาหารจะถ...

พลังแห่งอนาคต? การ "ไม่ถูกขัดจังหวะ"

การที่จิตใจหรือความสนใจของเราถูกขัดจังหวะอย่างต่อเนื่องทั้งจากคนรอบข้าง เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หรือเสียงคุยที่ดัง.. สิ่งเหล่านี้ทำให้เราใช้พลังของจิตใจเป็นอย่างมากในการเปลี่ยนความสนใจไปยังสิ่งอื่น. ซึ่งคล้ายกับพลังกายที่มีความเหนื่อยล้า พลังใจของเราก็สามารถเหนื่อยล้าได้เช่นกัน.. เครื่องมือและเทคนิคในการปกป้องไม่ให้เกิดการขัดจังหวะจากกลุ่มสนทนา (group chats) โดย Nir Eyal - จำกัด : ใช้การพูดคุยเฉพาะที่จำเป็น และไม่เสียเวลาใช้สมาธิไปกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง - กำหนดเวลา : กำหนดเวลาในการเช็คกลุ่มสนทนา และให้จับประเด็นเรื่องราวที่สนทนามากกว่าการสนใจในรูปภาพและตอบสนองในสิ่งที่ไม่ได้จำเป็น - เลือกคน : ให้มั่นใจในการเลือกคนที่จะเชิญเข้ามาคุยด้วย และสิ่งที่คนที่เชิญสามารถแบ่งปันให้กับกลุ่มได้. - เลือกใช้ : หลีกเลี่ยงการสนทนาในเรื่องที่อ่อนไหว และหลีกเลี่ยงการทำห้องสนทนาเป็นห้องคุยทั่วไป การปกป้องการขัดจังหวะจากโทรศัพท์มือถือ - ลบออก : ลบแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ - แทนที่ : ปรับเปลี่ยนสิ่งที่จะขัดจังหวะของคุณ เช่น ใช้ social media ในคอมพิวเตอร์แทนการใช้ในโทรศัพท์ หรือการใช้...

ขัดจังหวะการกล่าวถึงตัวคุณเอง

ทุกคนมีเรื่องเล่าที่เราพูดถึงเกี่ยวกับตัวเรา ซึ่งเรื่องเล่าดังกล่าวเป็นส่วนประกอบที่สามารถสร้างความเป็นตัวตน ความทะเยอทะยาน และประสบการณ์ของเราได้. อีกทั้งเรื่องเล่าดังกล่าวยังเป็นตัวกำหนดถึงสิ่งที่เราสามารถทำได้. อย่างไรก็ดี เรื่องที่เราพูดเกี่ยวกับตัวเรานี้ สามารถสร้างผลทางลบต่อตัวเราได้เช่นกัน. โดยหากเรื่องเล่าดังกล่าวที่เราสร้างขึ้นได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัว เช่น จากความคิดคนอื่น หรือจากแรงกดดันทางสังคม ซึ่งทำให้เรื่องเล่ากลายเป็นการจำกัดความสามารถที่แท้จริงของตัวเรา. ในความจริง พวกเราทุกคนมีความสามารถและต้องมีความรับผิดชอบที่จะขัดขวางสิ่งที่ส่งผลให้เกิดเรื่องเล่าทางลบเหล่านี้ ไม่ให้เปลี่ยนมาเป็นความเชื่อ และจำกัดความสำเร็จของตัวเรา ซึ่งวิธีที่จะขัดขวางความคิดดังกล่าวมีดังนี้ 1. สร้างความตระหนักในเรื่องราวที่กล่าวถึงที่ดำเนินอยู่เบื้องหลังของชีวิตเรา - โดยมีเป้าหมายคือ การที่เราหยุดที่จะปล่อยตัวเราไปตามสถานการณ์ แต่เริ่มที่จะเป็นคนที่สร้างเรื่องราวของตัวคุณเอง 2. กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับเรื่องราวของคุณที่อยากเป็น - คุณต้องรู้ว่าปลายของคุณคืออะไรก่อนที่คุณจะเร...

เทคโนโลยีกับคนทำงานในอนาคต ?

ในบทความหนึ่งของ pwc ได้มีการสอบถามคนทำงานมากกว่า 22,000 คน ในประเด็นเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของพวกเขา ซึ่งมีผลที่น่าสนใจในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น - ผู้ตอบสำรวจเชื่อว่าระบบอัตโนมัติจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานของพวกเขา และต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อรักษาสภาพการทำงานของพวกเขา     - 53% ของคนงานเชื่อว่าระบบอัตโนมัติจะเปลี่ยนแปลงหรือทำให้งานของพวกเขาหายไปอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า และมีเพียง 28% ของผู้ตอบสำรวจเที่เชื่อว่าจะไม่มีผล     - 77% ของผู้ใหญ่ต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในตอนนี้หรือฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่จะเป็นในการจ้างงานในอนาคต. โดยที่ 35% ของคนเหล่านี้ให้ความเห็นระดับ "เห็นด้วยอย่างมาก" 2. ดิจิตอลคือหัวใจ - ในการสำรวจพบว่าคนทำงานส่วนใหญ่เปิดรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยที่     - 61% มีความเห็นที่เป็นบวก เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีต่องานประจำวันของพวกเขา     - อย่างไรก็ตาม 33% ของคนทำงานเท่านั้นที่มีโอกาสในการพัฒนาทักษะทางดิจิตอล นอกเหนือไปจากงานปกติ ...

การนำเสนอที่มีประสิทธิภาพ

เราสามารถพบเห็นเทคนิคของการนำเสนอที่มีประสิทธิภาพได้มากมายหลากหลาย. ซึ่งหลายคนน่าจะเคยอ่านเทคนิคที่ดีเกี่ยวกับการนำเสนอมาบ้าง ครั้งนี้ขอหยิบยกเทคนิคที่มาจากบทความ "What it takes to give a great presentation" มาแบ่งปัน โดยมีจุดเด่นคือมีเทคนิคที่มีข้อไม่เยอะ แต่เทคนิคแต่ละอย่างล้วนค่อนข้างตรงประเด็นและมีผลกระทบที่สูง โดยประกอบด้วย 1. การนำเสนอที่ดีจะใช้จำนวน Slide และคำพูด ที่น้อย     เราจะสังเกตได้ว่านักเขียนและนักพูดที่ดีส่วนใหญ่มักจะเป็นบรรณาธิการ (editor) ที่ดีเช่นกัน โดยเขาจะพยายามแก้ไขคำพูดต่างๆ ให้เหลือน้อยที่สุดและตรงประเด็นที่สุด การใช้จำนวน slide หรือคำพูดจำนวนมากไม่ได้ช่วยอะไรมาก และมักจะยิ่งทำให้ผู้ฟังยิ่งจับใจความยากขึ้น 2. ผู้นำเสนอที่ดีจะไม่ใช้สัญลักษณ์หัวข้อ (Bullet Point)      สัญลักษณ์หัวข้อจะมีประสิทธิภาพน้อย ในการเชื่อมเรื่องราวร้อยเรียงแต่ละหัวข้อให้เข้าด้วยกัน. สิ่งที่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าคือการใช้รูปภาพ และ ข้อความ หรืออาจใช้วีดีโอในการนำเสนอซึ่งจะให้ทำการนำเสนอมีความน่าสนใจมากขึ้น 3. ใช้ประโยชน์ของน้ำเสียงในการนำเสนอ   ...

ใช้ social media ในการเชื่อมต่อกับลูกค้าที่ภักดีของคุณ

มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่แสดงให้เห็นถึงลูกค้าที่อยู่ภายใต้โปรแกรมสร้างความภักดี (loyalty program) จับจ่ายซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าทั่วไป อีกทั้งลูกค้ากลุ่มนี้ยังมักจะบอกต่อสิ่งดีๆ ของบริษัทออกไป. ซึ่งสิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เราเห็นว่าบริษัทต่างๆ ในหลายอุตสาหกรรมเริ่มสร้างโปรแกรมสร้างความภักดีกันมากขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้จัดทำขึ้นได้แสดงให้เห็นว่าการออกแบบ social media ที่ดีนั้น จะสามารถทำให้โปรแกรมสร้างความภักดี มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการเพิ่มยอดขาย โดยงานวิจัยดังกล่าวได้ทดสอบเรื่องของประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อสินค้า (brand experience) โดยลงข้อความเนื้อหาใน social media ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษใน 5 ด้าน ประกอบด้วย  - ด้านความสัมพันธ์ : ข้อความเป็นลักษณะการสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ใช้งานคนอื่น  - ด้านปัญญา : ข้อความที่กระตุ้นในลูกค้าได้ใช้ความคิด เช่น เกี่ยวกับการแก้ปัญหา หรือความคิดสร้างสรรค์  - ด้านพฤติกรรม : ข้อความกระตุ้นให้ลูกค้าร่วมกิจกรรม หรือ มีปฏิสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการ  - ด้านประสาทสัมผัส : ข้อความกระตุ้นประสาทสัมผัส ซึ่...

เคล็ดลับการบริหารจัดการที่น่าสนใจในปี 2019

เราขอสรุป 10 เคล็ดลับสำหรับวิธีบริหารจัดการที่น่าสนใจในปี 2019 ที่ผ่านมาว่ามีเทคนิตเคล็ดลับอะไรกันบ้าง 1. Timebox วางแผนการทำงานมากกว่าแค่ To-Do List      - ปัญหาของ To-do List คือ มันไม่ได้มีการกำหนดว่างานนั้นจะเสร็จเมื่อไหร่      - Timebox เป็นเทคนิคของการกำหนดช่วงเวลาในปฏิทินว่าเราจะทำงานอะไร      - ข้อดีของ Timebox คือ การที่่ทำให้คุณสามารถควบคุมปฏิทินงานของคุณได้ในระดับหนึ่ง      - หากคุณสนใจ ลองค้นหา Timebox เพื่อปรับใช้กับการทำงานของคุณ แล้วคุณอาจพบว่าประสิทธิภาพในการจัดการเวลาของคุณจะเพิ่มมากขึ้นจนคุณประหลาดใจ 2. เพิ่มประสิทธิภาพของการคิดเชิงวิเคราะห์      - การคิดเชิงวิเคราะห์จะช่วยให้ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ทำได้ดีขึ้น      - เทคนิค 3 ขั้นตอน สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการคิดเชิงวิเคราะห์      - หนึ่ง เข้าใจถึงสมมุติฐานของคุณเมื่อต้องตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อผลกระทบของการตัดสินใจสูง      - สอง ทำความเข้าใจตรรกะ โดยพิจาณาข้อมูลหลักฐานที่มีว่าสนั...