ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การทำงาน มุมมองและทัศนคติ (s.18)


คนโดยทั่วไปจะมองงานออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ (1) งานที่สร้างความพอใจไม่ได้มีพอสำหรับทุกคน หรือ (2) งานที่ไร้ความพึงพอใจ เป็นงานที่เราต้องยอมรับเพื่อแลกกับค่าจ้างหรือผลตอบแทนทางวัตถุ. ซึ่งแท้จริงแล้วการมองในลักษณะนี้ไม่ถูกต้องนัก.

มุมมองต่องานที่เหมาะสมกว่า เราอาจแบ่งออกได้เป็น 
(1) งานเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ (job) ซึ่งคนที่มีทัศนคติงานในลักษณะนี้มักมองงานว่าคือความจำเป็นในการใช้ชีวิต และทำงานเพื่อเงิน.
(2) งานเป็นอาชีพ (career) ซึ่งคนในกลุ่มนี้มักมีเป้าหมายหลักคือ ความก้าวหน้า โดยมีเป้าหมายคือตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น.
(3) งานเป็นสิ่งที่ใจเรียกร้อง (calling) คนในกลุ่มนี้จะมีความพึงพอใจในงานสูง มีความสุขกับการทำงาน โดยเขาเชื่อว่างานของเขามีประโยชน์ทำให้โลกดีนี้ขึ้น

การแบ่งงานตามข้างต้นจะขึ้นกับความคิดหรือทัศนคติต่องานที่เรามีต่องานนั้นๆ ซึ่งก็คือขึ้นกับ "เรามองงานนั้นเป็นแบบไหน" ไม่ใช่ว่า "งานนั้นคืออะไร" ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่หากเรามีทัศนคติต่องานแล้ว งานประเภทไหนก็สามารถให้ความพึงพอใจกับเราได้ทั้งนั้น.

ทั้งนี้งานทุกงานต่างมีศักยภาพในการมอบความพึงพอใจให้กับผู้คน โดยตัวเราสามารถออกแบบให้มีความหลากหลาย ซับซ้อน พัฒนาทักษะ เติบโตได้ และที่สำคัญสามารถออกแบบงานให้มีความเชี่ยมโยงกับความสุขของคนรอบข้างได้.

การพยายามนำคุณสมบัติที่ดีของงานออกจากจะทำให้เกิดการสร้างวงจรที่เพิ่มพูนขึ้น. โดยเมื่อคนงานค้นพบความหมายในงานและรู้สึกมีส่วนร่วมแล้ว เขาก็ย่อมมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น. และเมื่อมีความสุข ก็จะมีอารมณ์เชิงบวก สร้างสรรค์มากขึ้น และพร้อมที่พัฒนาตนเองมากขึ้น.

ดังนั้น แท้จริงแล้ววิธีมาตรฐานที่จัดการจัดการคนงานที่องค์กรทำกันมาอย่างยาวนาน คือ การสร้างแรงจูงใจทางวัคถุ (ค่าจ้าง) และ ตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มงวด กลับกลายเป็นการส่งผลลบต่อการมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของพนักงาน.

ท้ายสุด ธุรกิจควรเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติของตนที่มีต่อการทำงานของพนักงาน และสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้ง่ายต่อการปรับทัศนคติของพนักงานที่มีต่องานนั้น

#busguy
#ธุรกิจแบ่งปัน #business

อ้างอิง "เราทำงานไปทำไม (Why we work)" by Barry Schwartz แปล: ทีปกร วุฒิพิทยามงคล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

Word of the Year 2022 (s.540)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Word of The Year ที่นำเสนอโดยสำนักพิมพ์ดิกชันนารีออกฟอร์ด ซึ่งได้ประกาศออกมาโดยการใช้วิธีการโหวตออนไลน์ ได้คำว่า "goblin mode" ซึ่งหมายถึงชนิดของพฤติกรรมที่ตามใจตนเอง ขี้เกียจ ดูสกปรก ไร้ระเบียบ มีลักษณะทั่วไปที่ปฏิเสธแบบแผนของสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน. ➼ การตีความว่าคนอยู่ในโหมดของการเป็น goblin หมายถึงคนที่เลือกเองว่าจะอยู่ในโหมดของการเป็นคนสกปรก ขี้เกียจ ไม่สนใจสารรูปของตนเอง บริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และชอบอยู่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอก. ➼ สำหรับสำนักพิมพ์ดิกชันนารี Merriam-Webster ได้เลือก Word of the Year คำว่า "gaslighting" ซึ่งหมายความถึงการพยายามทำให้บุคคลหนึ่งรู้สึกไม่มั่นคงและสั่นคลอนในความเชื่อของตน จนทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นหรือมีประสบการณ์มิได้เกิดขึ้นจริง. ซึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง. ➼ สำนักพิมพ์ดิกชันนารี Collins เลือก "permacrisis" ซึ่งแปลว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงทน เพื่อเล่าสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่คาดเดาได้ยาก เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย. อ้างอิง: ...

Reserve Currency (s.538)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Reserve Currency คือ เงินตราต่างประเทศที่ธนาคารกลางและสถาบันการเงินใหญ่ๆ ในโลกถือไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการค้า การลงทุนและการชำระหนี้ระหว่างประเทศ. ➼ ตั้งแต่ปี 1944 มี 44 ประเทศได้ตกลงกันที่เมือง Bretton Woods ที่จะให้ดอลลาร์เป็นเงินตราที่จะใช้ในธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยประเทศต่างๆ จะผูกค่าเงินของตนไว้กับดอลลาร์ และดอลลาร์ก็จะผูกไว้กับทองคำอีกต่อหนึ่ง ในอัตรา 35 ดอลลาร์ต่อทองทำ 1 Troy Ounce นี่เป็นจุดกำหนดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate System). ➼ ในปี 1973 ประธานาธิบดีนิกสันได้ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Flexible Exchange Rate System) โดยแม้ดอลลาร์จะไม่มีทองคำหนุนหลัง แต่ดอลลาร์ก็ยังคงเป็น reserve currency หลักของโลกมาตลอดมาตลอดเกือบ 80 ปี เพราะสภาพคล่องที่มีสูงมาก. ➼ สหรัฐถือเป็นประเทศที่ได้เปรียบทุกประเทศในการที่สามารถใช้เงินของตนทำธุรกรรมต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี ในระยะยาว ยังมีคำถามที่เกิดขึ้นคือ ดอลลาร์อาจสูญเสียความเป็น reserve currency หลักของ...