ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2020

การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละวัย (s.184)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . บทความจาก Exim E-News ได้ลงบทความเกี่ยวข้องกับมุมมองด้านสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละวัยไว้ได้อย่างสนใจ โดยจากการที่มุมมองด้านสุขภาพในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยจากข่าวสารที่ได้รับ เทคโนโลยีใหม่ๆ และปัญหาสุขภาพที่คนแต่ละวัยต้องเผชิญ โดยมีเนื้อหาสรุปสิ่งสำคัญได้ดังนี้ . ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น : โดยคำว่าสุขภาพดีได้เปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพจิตที่ดีมากขึ้น เป็นการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม . ผู้บริโภคแต่ละช่วงอายุมีปัญหาการนอนหลับที่แตกต่างกัน : ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่ม Baby Boomer (อายุ 56-74 ปี) จะเป็นกลุ่มที่ตื่นบ่อยระหว่างคืน แต่คนกลุ่มนี้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องแก้ไข  แต่สำหรับคนอายุช่วง Gen Y หรือ Gen Z ซึ่งปัจจุบันอายุไม่เกิน 39 ปี มักมีปัญหานอนยาก นอนไม่หลับ และเมื่อตื่นก็จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ไม่สดชื่น . การควบคุมน้ำหนัก : การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับปกติเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคค่อนข้างให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z แ...

เศรษฐกิจประเทศไทย ปี 2020 และอนาคต (s.183)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . จากบทวิเคราะห์ของ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งตีพิมพ์ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 4/2020 กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยปี 2020 (ไตรมาส 4/2020) ไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจสรุปดังนี้ . เริ่มจากการกล่าวถึงเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้วชะลอตัวในระยะสั้นจากการระบาดของไวรัสรอบใหม่ แต่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2021 ตามปัจจัยของวัคซีน มาตรการกระตุ้น และการฟื้นของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้วดีขึ้น  อย่างไรก็ดี GPD ของเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ (ยกเว้นจีน) จะยังไม่กลับไปที่ระดับของปี 2562 . เศรษฐกิจไทย การฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3/2020 ส่งผลให้ GDP ทั้งปี 2020 มีแนวโน้วหดตัวที่ -6.5% โดยการระบาดในไทยที่เริ่มมีอีกครั้งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศระยะสั้น . เศรษฐกิจไทยในปี 2021 คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.8% โดยมีปัจจัยจากฐานที่ต่ำ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เม็ดเงินจากภาครัฐทั้งในงบประมาณและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการกระจายวัคซีนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021  อย่างไรก็ดี แผลเป็นทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ย...

การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กับปัจจัยในความสำเร็จ (2) (s.182)

  #busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . ต่อจากครั้งที่แล้วในเรื่องขององค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้สังเคราะห์บทเรียนจากการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ปัจจัยในการดำเนินการปฏิรูปให้ประสบความสำเร็จ โดยมีปัจจัยสำคัญ 6 ข้อ โดยครั้งที่ผ่านมาได้นำเสนอ 3 ข้อ และในครั้งนี้จะขอนำเสนอ 3 ข้อ ที่เหลือ . 4. ปัจจัยด้านเวลา : การปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่สำเร็จมักจะใช้เวลา ซึ่งการเร่งรีบหรือตอบสนองต่อแรงกดดันในขณะหนึ่งๆ มักจะยิ่งทำให้ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูปเกิดขึ้นได้ช้า นอกจากนี้การปฏิรูปที่ประสบความสำเร็จมักจะใช้ความพยายามหลายครั้ง . 5. การมีส่วนร่วมของฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิรูป : การปฏิรูปต้องให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบในระดับที่สูงเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งในระยะสั้นอาจมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ในระยะยาวการมีส่วนร่วมจะช่วยสร้างความไว้วางใจมากขึ้น  . 6. การชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบทางลบ : กระบวนการชดเชยถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งหากล้มเหลวในการชดเชยจะทำให้การต่อต้านการปฏิรูปมีมาก แต่หากชดเชยมากเกินไปจะสร้างต้นทุนและความคาดหวังที่สูง  . ทั้งนี้ แนวทางคือการให...

การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กับปัจจัยในความสำเร็จ (1) (s.181)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business   . การปฏิรูปเชิงโครงสร้างนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับหลายสังคม แต่ปัญหาหนึ่งที่เรามักพบคือการดำเนินการปฏิรูปนั้นเป็นไปอย่างล่าช้าหรือกระทั่งขาดแนวทางในการดำเนินการปฏิรูปที่ดีที่เหมาะสม . องค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้สังเคราะห์บทเรียนจากการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ปัจจัยในการดำเนินการปฏิรูปให้ประสบความสำเร็จ โดยมีปัจจัยสำคัญ 6 ข้อ โดยครั้งนี้จะขอนำเสนอ 3 ข้อ . 1. การได้รับมติจากประชาชนให้ปฏิรูปผ่านการเลือกตั้ง : โดยปัจจัยนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อความสำเร็จของการปฏิรูป  อย่างไรก็ดี การปฏิรูปที่ไม่ได้มติมาจากคนส่วนใหญ่นั้นจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อสามารถทำให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมักเป็นไปได้ยากในการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง . 2. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือสนับสนุน : การสื่อสารให้สาธารณะทราบถึงเป้าหมายที่ชัดเจนในระยะยาวมีผลมาก โดยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะหมายถึงการที่ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที...

ธุรกิจความงาม กับการสื่อสารบนทวิตเตอร์ (s.180)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business บทสนทนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลบททวิตเตอร์ประเทศไทยมีถึง 60 ล้านทวีตในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นคอมมูนิตี้ที่มีแพสชั่นและเอ็นเกจเม้นต์สูงมาก  ทั้งนี้ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลกในด้านความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ซึ่งมีสัดส่วนถึง 32% ของตลาดโลก  ประเทศไทยของเราเป็นหนึ่งในตลาดของภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด โดย 77% ของผู้ใช้งานทวิตเตอร์มีความสนใจเรื่องดูแลผิวพรรณและร่างกาย โดย 77% ของผู้ใช้งานทวิตเตอร์สนใจในเรื่องดูแลผิวพรรณและร่างกาย และ 1 ใน 3 สนใจเรื่องเครื่องสำอางเป็นอย่างมาก ผู้คนบททวิตเตอร์ที่สนใจด้านความงาม 72% เข้ามาเพื่อค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ และมากกว่า 50% อยากจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ซื้อและลองใช้ผลิตภัณฑ์ 74% ของผู้ที่สนใจเรื่องเครื่องสำอางจะหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะมีการตั้งคำถามบนทวิตเตอร์และมองหาคำแนะนำที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ  จำนวนถึง 46% มักจะแสดงความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ และจำนวน 53% แฟนๆ ด้านความงามในประเทศไทยมักจะบอกต่อถึงแบรนด์รว...

10 เทคโนโลยี กับวิถีชีวิตใหม่ (s.179)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้นำเสนอเทคโนโลยี 10 อย่างที่จะตอบโจทย์ในชีวิตของวิถีใหม่หลังยุคโควิค 19 ซึ่งรวมถึงโจทย์ของธุรกิจ ประกอบด้วย . 1. วัคซีนโควิด-19 : การจัดการกับการระบาดของโรค โดยหลักๆ ใช้ 3 วิธี คือ การสร้างภูมิคุ้นกันหมู่  การพัฒนายารักษาโรคโควิด-19  และการพัฒนาวัคซีน  โดยประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาวัคซีนเป็นอย่างมาก  2. ยาแก้ไขความชรา : ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคนที่ผู้คนเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยจะช่วยให้เราใช้ชีวิตในช่วงวัยชราได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 3. อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่งสุขภาพ : ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ เซนเซอร์, ฐานข้อมูลสุขภาพ และซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ที่ทำหน้าที่ประมวลผลสำหรับแพทย์และติดตามการวินิจฉัย รวมทั้งแสดงผลกลับไปยังผู้ป่วย 4. ชิปสายพันธ์ใหม่ : เป็นการพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลได้รวดเร็วเหมือนกับสมองของมนุษย์ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่ซับซ้อนหลายมิติได้พร้อมกัน 5. การสื่อสารด้วยภาพ : เป็นรูปแบบการสื่อสารใหม่ๆ ในการทำให้คอมพิวเตอร์มี...

ข้อคิดจากโค้ชล้านล้าน (s.178)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . บทความโดยคุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้สรุปเรื่องราวจากหนังสือ Triilion Dollar Coach ซึ่งรวบรวมเรื่องราวการเป็นโค้ชของบิล แคมป์เบลล์ ผู้ซึ่งเป็นโค้ชให้กับผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังในอเมริกา ดังนี้ . 1. Your People Make You a Leader : บิลเชื่อว่าผู้นำที่ดีต้องให้ความสำคัญกับคน สร้างแวดล้อมเพื่อให้คนได้ปล่อยศักยภาพของตนเองออกมาเต็มที่  และในการถกเถียงประเด็นต่างๆ ต้องพิจารณาถึงแก่นแท้ของเรื่องและนำมาใช้เป็นกรอบในการถกเถียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด . 2. Build an Envelop of Trust : การสร้างความเชื่อใจและความปลอดภัยเชิงจิตวิทยาจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงาน การตั้งความหวังไว้สูงและช่วยผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายด้วยการรับฟังและตั้งคำถามที่ช่วยให้ผู้ฟังพบคำตอบด้วยตัวเอง การให้ฟีดแบคที่ตรงไปตรงมา . 3. Team First : ผู้บริหารต้องสร้างทีมที่เหมาะสมสำหรับปัญหานั้นๆ โดยมองหาทีมที่มีทั้ง "หัว" และ "ใจ" โดยให้ความสำคัญทั้ง Soft Skill และ Hard Skil...

คำทำนาย วิเคราะห์โลกในปี 2564 (s.177)

จากบทความของ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ได้กล่าวถึง 5 คำทำนายในปี 2564 ซึ่งมีความน่าสนใจในการติดตามเพื่อเราจะได้นำมาพิจารณาวิเคราะห์และเตรียมตัวของเราในการเข้าสู่ปีใหม่นี้ได้อย่างมั่นใจ โดยในครั้งนี้นำเสนอ 3 คำทำนายดังนี้  . การเปลี่ยนแปลงในปี 2563 มีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนอย่างมากในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สงครามเย็น และการพัฒนาของโลก . 1. โควิค-19 ที่ได้นำมาซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปี ทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางเศรษฐกิจ 2. ประธานาธิบดีทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง เป็นจุดเริ่มต้นของการหมดยุคกระแสชาตินิยมขวาจัด 3. การลงทุนโลกในภาพรวมเติบโต สวนทางกับเศรษฐกิจ โดยเป็นผลจากการอัดฉีดทางการคลังทั่วโลก 4. สงครามเย็นที่มีแนวโน้มเปลี่ยนรูปแบบ เป็นการใช้รูปแบบพันธมิตรมากขึ้น 5. เอเซียมีแนวโน้มจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ แทนตะวันตก  . ภาพของปี 2564 ที่จะเกิดขึ้นสามารถฉายภาพที่จะน่าจะเป็นของโลกในยุคใหม่ . 1. วัคซีนจะมาช้ากว่าคาด แต่ยารักษาโควิดและเครื่องตรวจ จะเป็นความหวังและผู้คนจะชินกับนิ...

การศึกษากับแนวทางการปรับตัวของสถาบัน (s.176)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . เทคโนโลยีทำให้เราใช้คนน้อยลงในอนาคต ทำงานสมาร์ทขึ้น แต่กำลังแรงงานที่จะมาทดแทนในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าน่าจะไม่เพียงพอ และที่สำคัญคือเศรษฐกิจใหม่จำเป็นต้องใช้คนที่มีทักษะใหม่ ซึ่งคนเจนเนอเรชั่นก่อนๆ อาจไม่มีหรือไม่เชี่ยวชาญ . วิธีจัดการเรื่องทักษะความเชี่ยวชาญอย่างหนึ่งคือการที่เราต้องทำการยกระดับทักษะเดิม (Upskill) และสร้างทักษะใหม่ (Reskill) ให้กับแรงงาน . ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในที่ทำงานที่มีคนทำงานระหว่างวัยทำงานร่วมกันคือ "ช่องว่างระหว่างเจน"  ซึ่งองค์กรจะทำอย่างไรให้ทุกเจนที่อยู่ในตลาดแรงงานพูดจาภาษาเดียวกัน สื่อสารกันเข้าใจ  ทั้งนี้พื้นฐานของเรื่องนี้อยู่ที่ "การเปิดใจ" และ "ปรับมุมมอง" อันเป็นเรื่องวิธีคิดและทัศนคติมากกว่าเรื่องความรู้และทักษะ . จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง สถาบันการศึกษาควรปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งความเร็วของการพัฒนาและความแตกต่างของเจนต่างๆ โดยมีแนวทาง 5 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับลงบทบาทความเป็น "แหล่งความรู้" ให้น้อยลง 2. เพิ่มบทบาทความเป็น "แพลตฟอร์มสร้างทักษะ" โดยต้องมีความยืดห...

ความท้าทายต่อนโยบายเศรษฐของประเทศไทย ภายหลังโควิด-19 (s.175)

  #busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business  . ความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน และรวมจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มี 3 เรื่องหลักๆ       1. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ที่อาจประทุขึ้นมาอีก และนำไปสู่การ lockdown สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ      2. ความยืดเยื้อของวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความเสียหายต่อศักยภาพของการเติบโตเศรษฐกิจในระยะยาว      3. ความสามารถในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องจะน้อยลง เพราะผลกระทบต่อฐานะการคลัง และเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ  ในบริบทความเสี่ยงดังกล่าวนั้น สำหรับประเทศไทยของเรา ความท้าทายต่อผู้ทำนโยบายทางเศรษฐกิจจึงมีด้วยกัน 3 เรื่อง ประกอบด้วย      1. ป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจะสร้างผลกระทบและทำลายบรรยากาศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ      2. ใช้ทรัพยากรการเงินที่มีอยู่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างตรงจุดและมีวินัย โดยเน้นช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่และความสามารถในการหารายได้ของคนกลุ่มล่างในสังคม ที่ไ...

อาการหลงคิดตามกลุ่ม คืออะไร (s.174)

Group Thinking Syndrome หรืออาการหลงคิดตามกลุ่ม เป็นอาการที่คนเมื่ออยู่รวมกันจะมีอิทธิพลต่อความคิดของกันและกัน โดยกลุ่มที่เราไปรวมตัวกับพวกเขาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเรามากกว่าที่เราคิดไว้ . อาการหลงคิดตามกลุ่ม มีผลทั้งบวกและลบ โดยทางบวกคือเมื่อคนคิดอะไรตามกันไปหมด การงานก็จะเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทางลบคือกลุ่มอาจคิดไปในทางที่เสี่ยงในเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยงมากขึ้น . การหลงคิดตามกลุ่ม ทำให้ผู้คนปิดหูปิดตากับสารพัดความเสี่ยงที่ปรากฏ จากความเชื่อมั่นในกลุ่มตนเองมากกว่าที่ควรจะเป็น เราจึงมักเห็นผู้คนรวมตัวคิดอะไรต่อมิอะไรเลยเถิดได้เสมอ ยิ่งกลุ่มใหญ่ยิ่งมีอาการเลยเถิดเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น .  เครือข่ายสังคมสังคมเป็นตัวเร่งการพัฒนาอาการหลงคิดตามกลุ่มให้เกิดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก และเมื่อมีการหลงคิดตามกลุ่มในวันนี้แล้ว โอกาสถอนตัวก็ยิ่งลำบากมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะคนใช้เวลาในกลุ่มมากกว่าเมื่อเทียบกับสมัยอดีตมาก . งานวิจัยหนึ่งพบว่ากลุ่มอายุที่เกิดอาการหลงคิดตามกลุ่มได้มากและเร็ว คือ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเริ่มสูงอายุ ในขณะคนหนุ่มสาวและคนวัยกลางจะระวังตัวกับอาการนี้ได้ดีมากกว่า . ที่มา: ห...

คนกรุงเทพฯ ใช้เวลากับรถติดเท่ากับการเดินทางไปดวงจันทร์เกือบ 2 รอบ (s.173)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business . คงใช่ไม่คำพูดที่เลื่อนลอยที่จะบอกว่าคนกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับปัญหารถติด โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาบนท้องถนนใน 1 ปี เท่ากับ 207 ชั่วโมงหรือประมาณ 8 วัน 15 ชั่วโมง.  แต่ถ้าจะให้เข้าใจง่ายขึ้นไป คือ เวลานี้จะเท่ากับการดูฟุตบอล 138 คู่  หรือดูหนัง Harry Potter ทั้ง 7 ภาคได้ถึง 9 รอบ  หรือเท่ากับการเดินทางจากโลกไปยังดวงจันทร์ได้ถึง 1.9 รอบ ! . โดยจากการที่รถติดขนาดนี้ก็ยังส่งผลให้สภาพอากาศอันตรายอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลถึงสุขภาพเช่ากัน โดยในช่วง ม.ค.-ส.ค.63 สภาพอากาศของกรุงเทพฯ มีค่า PM10 อยู่ที่ 43.6 ug/m3 (ค่าที่ WHO แนะนำคือไม่ควรเกิน 20 ug/m3) และ PM2 อยู่ที่ 22.7 ug/m3 (ค่าที่ WHO แนะนำคือไม่ควรเกิน 10 ug/m3)  ซึ่งจะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯ เริ่มกลับมามีมลพิษทางอากาศจากปัญหารถติดอีกครั้งหลังจากที่อากาศดีขึ้นในช่วงที่ lockdown.  ซึ่งนอกจากปัญหาสภาพอากาศที่ส่งผลถึงสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังมีผลกระทบอื่นเช่น ความเครียดจากสภาพการจราจรที่ติดขัด ความน่าดึงดูดที่ลดลงในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นต้น  ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัว การสนั...

สมอง เทคนิคเพื่อปรับปรุงความจำ (s.172)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business . จากกรุงเทพธุรกิจ วันที่ 6 ธันวาคม 2563 เรื่อง "สมอง เรียนรู้ได้ดีช่วงไหน" โดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ได้เปิดเผยถึงความลับของสมองที่ไขถึงเทคนิคการเรียนรู้และความจำให้ดีขึ้น โดยนำมาสรุปในส่วนที่น่าสนใจได้ดังนี้ . สมองคนสูงวัยจะเรียนรู้ได้ดีช่วงเช้า ในขณะที่คนหนุ่มสาวไม่ว่าเช้าหรือบ่ายก็ยังกระฉับกระเฉงในการเรียนรู้ . การศึกษาของนักวิจัยที่สถาบันวิจัยร็อตแมน (Rotman Research Institute) ประเทศแคนาดา พบว่าคนวัยทองอายุ 60–82 ปี ทำงานได้อย่างมีสมาธิ ไม่วอกแวก ในช่วง 8.30-10.30 น. เมื่อเทียบกับการทำงานในช่วง 13.00-17.00 น. . โดยจากการ scan สมองด้วยเครื่อง fMRI พบว่าในช่วงบ่ายนี้ สมองของผู้สูงวัยจะเข้าโหมดเฉื่อย และทำงานไปตามโปรแกรมอัตโนมัติ . นอกจากนี้ การทดลองโดยมหาวิทยาลัยไฟร์บวร์ก ประเทศเยอรมนี ได้ทดสอบเปรียบเทียบการท่องจำข้อมูลของวัยรุ่นอายุ 16-17 ปี ในช่วงบ่าย 3 โมงกับตอน 3 ทุ่ม พบว่าตอนบ่ายทำได้ดีกว่ามาก แต่หากเป็นการฝึกทักษะที่ต้องการมีเคลื่อนไหวร่างกาย ตอนเย็นกลับทำได้ดีกว่า . การนอนหลังจากเรียนเนื้อหาหรือทักษะใหม่ๆ ช่วยให้จำได้ดีขึ้น โดยหากเป็...

เทคโนโลยียืนยันตัวตน (s.171)

  เทคโนโลยียืนยันตัวตนได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร ซึ่งเทคโนโลยียืนยันตัวตนจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน โดยปัจจุบันมีตัวอย่างเทคโนโยลีที่น่าสนใจ ได้แก่ 1. ระบบการแสกนม่านตา : อาศัยกล้องและแสงอินฟาเรด (IR LED) ทำงานร่วมกัน โดยกล้องจะเก็บภาพจากแสงอินฟาเรดที่สะท้อนบนม่านตา เพื่อจดจำม่านตาของผู้ใช้งานแต่ละคน โดยเทคโนโลยีนี้มีความปลอดภัยสูงเมื่อเทียบกับการแสกนลายนิ้วมือหรือการจดจำด้วยเสียง 2. ระบบการจดจำด้วยเสียง : เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแบบไบโอเมตริกหรือการแยกแยะตัวตนผ่านคุณลักษณะจำเพาะของบุคคล อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อถกเถียงสำหรับประเด็นของความน่าเชื่อถืออยู่ 3. ระบบการยืนยันตัวตนด้วยเส้นเลือดดำ : การยืนยันตัวตนด้วยระบบนี้อาศัยการสแกนเส้นเลือดดำบนฝ่ามือของผู้ใช้ที่ให้ความแม่นยำสูงและปลอดภัย ฝั่งตัวผู้ใช้เองก็ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่านค่าลักษณะเส้นเลือดโดยตรงด้วย 4. ระบบการระบุพิกัด : เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้อยู่ในรูปของไบโอเมตริก แต่เป็...

สัญญาณทางเศรษฐกิจ กับ ผลของการลงทุน (s.170)

สัญญาณทางเศรษฐกิจหลายตัวสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องบ่งชี้สำหรับการตัดสินใจในการลงทุนได้ ซึ่งวันนี้จะขอยกตัวอย่างเครื่องบ่งชี้ที่ได้รับความนิยมในการใช้เป็นเกณฑ์ในการจับสัญญาณการลงทุน ประกอบด้วย 1. GDP Growth Rate : GDP เป็นสัญญาณตัวแรกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยบอกถึงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร. ดังนั้น GDP จึงมีความสำคัญต่อนักลงทุนเพราะหาก GDP เป็นบวกหรือมีการเติบโต ก็ย่อมเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน โดยเฉพาะหาก GDP มีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง 2. อัตราการว่างงาน : การว่างงานยิ่งน้อยยิ่งดี แสดงถึงการที่ประเทศมีคนที่มีงานทำเป็นสัดส่วนที่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสนใจเช่นกันคืออัตราการว่างงานมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มีการปรับขึ้นหรือลดลงหรือไม่ เพราะในกรณีอัตราการว่างหากถ้าน้อยแต่มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจบ่งบอกถึงสัญญาณแนวโน้มในอนาคตที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก 3. เงินเฟ้อ : เงินเฟ้อเป็นการบ่งบอกถึงภาพรวมการปรับตัวของราคาของสินค้าและบริการ ถ้าตัวเลขเป็นบวกแสดงว่าภาพรวมราคาสินค้าและบริการมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือแพงขึ้น. โดยในภาว...

ผู้นำ กับการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง (s.169)

  จากบทความ "เหตุผลที่ผู้นำ กลายเป็นผู้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง" โดย รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2563 ได้กล่าวถึงเหตุผลถึงการที่ผู้นำกลับกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเอง ซึ่งการต่อต้านดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคที่ทำให้องค์กรยากที่จะปรับเปลี่ยนและก้าวพัฒนาไปข้างหน้าได้ โดยเหตุผลดังกล่าวประกอบด้วย 1. สับสนระหว่างเรื่องสำคัญกับเรื่องเร่งด่วน : มักเกิดจากการที่เจ้าของและผู้บริหารใช้เวลามากเกินไปในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแทนที่จะใช้เวลากับการวางแผนไว้ล่วงหน้า 2. ขาดความกล้าหาญ : ทั้งนี้การเริ่มต้นและดำเนินกระบวนการเปลี่ยนแปลงให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยทักษะความเป็นผู้นำเป็นอย่างมาก 3. กำหนดสิ่งจูงใจไม่สอดคล้องกับความต้องการ : ซึ่งการที่สิ่งจูงใจส่วนบุคคลไม่สอดคล้องกับบริษัทนี้ทำให้ผู้นำอาจไม่ยอมดำเนินการใดๆ ที่จำเป็น เช่น ผู้บริหารระดับสูงไม่กล้าที่จะเสี่ยงในเรื่องจำเป็นเพราะกล้วสถานะของตนสั่นครอนเองหากเกิดความผิดพลาด 4. ขาดการสนับสนุนทรัพยากร : การไม่ได้รับเครื่องมือหรืออำนาจที่เพียงพอคืออุปสรรคที่สำคัญห...

โรงงานผลิตพืช (s.168)

  บทความในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 23 พ.ย. 63 โดยทีมงานวิเคราะห์ตลาดและเทคโนโลยี (MIIT) เนคเทค เรื่องสถานภาพอุตสาหกรรม 'Plant Facotry' ซึ่งมีความน่าสนใจและน่าจะเหมาะกับบริบทของสังคมไทยที่เป็นสังคมเกษตรกรรม โดยขอนำมาสรุปเล่าให้ฟังในที่นี้ โดยโรงงานผลิตพืช หรือ Plant Factory เป็นการปลูกพืชภายในอาคารหรือสถานที่ที่ถูกสร้างและออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งควบคุมสภาวะสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิ แสงแดด สารอาหาร ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น เป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดที่ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและดีที่สุดตลอดปี ซึ่งจะข้อดีอื่นๆ ด้วย เช่น 1.ป้องกันศัตรูพืชและลดความเสียหายจากการใช้ยาฆ่าแมลง  2.เพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับพืชโดยตรงทำให้พืชเติบโตได้มากขึ้น และ 3.ปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและประหยัดการใช้น้ำ. - หากคิดถึงสภาพปัจจุบันที่พื้นที่ทางการเกษตรเสื่อมโทรมมากขึ้น ทำให้ขาดแคลนพื้นที่การเกษตร ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนถี่ขึ้น อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ทำให้มีความต้องการอาหารและพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้นตาม.  การปลูกพืชแนวตั้ง (vertical f...

ราคาที่ดินที่เพิ่มกับรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่าน (s.167)

  ในช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ อย่างบ่อยครั้ง ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปทางไหนในเขตกรุงเทพมหานคร ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะต้องผ่านหรือเห็นการก่อสร้างรถไฟฟ้า เรียกได้ว่าก่อสร้างกันอย่างขนาดใหญ่ทั่วกรุง. โดยผลของการก่อสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าว ย่อมไม่พ้นการปรับตัวของราคาที่ดินบริเวณรอบๆ แนวรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้รายงานดัชนีที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในเขตกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาส 3 พบว่ามีการปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เป็นดัชนีที่ 310.07 ทั้งนี้ที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในไตรมาสนี้ ทำเลที่เพิ่มมากส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ปลายสายรถไฟฟ้าที่เป็นส่วนต่อขยายและมีแผนก่อสร้างในอนาคต โดยหากเป็นทำเลที่มีรถไฟฟ้าผ่านและมีการขยายตัวเพิ่มสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) เราสามารถสรุปได้ดังนี้ คือ 1. สายสีชมพู (แคราย - มีนบุรี) มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7  2. สายสีเขียวเหนือ (คูคต - ลำลูกกา) เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง โดยปัจจุบันราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34.2 ...

วัคซีนโควิด-19 ราคาที่ต้องจ่าย (s.166)

  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราหลายคนอาจได้ยินข่าวเรื่องการค้นพบวัคซีนโควิด-19 กันบ้างแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวก็ทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาดูคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ซึมเศร้าไปนานนับตั้งแต่ต้นปี แต่สิ่งที่หลายคนกำลังจับตามองคือ 'ราคา' ของวัคซีนว่าจะถูกหรือแพงขนาดไหน ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลมาเล่าให้ฟังกัน - โดยวัคซีนที่ได้เริ่มประกาศผลความสำเร็จกันออกมานั้นมีราคาแตกต่างกันอย่างมากคือตั้งแต่ USD 3 ไปจนถึง USD 37 ซึ่งเราสามารถสรุปเป็นข้อมูลสำหรับวัคซีนตัวที่มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก ได้ดังนี้ 1. วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ ราคาประมาณ USD 19.5 ต่อโดส หรือประมาณ USD 39 ต่อคน เนื่องจากต้องใช้ 2 โดสต่อคน 2. วัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา ราคาประมาณ USD 3-4 ต่อโดส หรือ USD 6-8 ต่อคน เนื่องจากต้องใช้ 2 โดสต่อคน  3. วัคซีนจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ราคาประมาณ USD 10 ต่อโดส โดยใช้เพียง 1 โดสต่อคน 4. วัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา ราคาประมาณ USD 25-37 ต่อโดส หรือ USD 50-64 ต่อคน เนื่องจากต้องใช้ 2 โดสต่อคน - ทั้งนี้ เราจะเห็นได้ว่าราคาของวัคซีนแตกต่างกันค่อนข้างมาก แต่ประเด็นใหญ่อีกประเด็นหนึ่งคือ ประเทศไทยจะได้...

คนไทยเสี่ยงยากจนเพิ่ม 1.1 ล้านครัวเรือน !! (s.165)

   โดยรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในไตรมาส 3 ปี 2563 ได้กล่าวถึงผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อประชาชนไทย โดยเฉพาะผู้ที่รายได้ต่ำยากจน  โดยจากการสำรวจของสำนักงานสติถิแห่งชาติร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาติ (UNICEF) ได้พบว่าจากกลุ่มตัวอย่างมีคนจำนวนถึง 54% ที่มีรายได้ลดลง และ 33% มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และนอกจากนี้ยังพบว่าจากจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 14% มีการก่อหนี้ในระบบเพิ่มขึ้น และ 9% ก่อหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น . และหากพิจารณาผลกระทบต่อความยากจนจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น พบว่าทุกครั้งที่มีวิกฤตจะทำให้มีจำนวนคนจนเพิ่มขึ้น. โดยวิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ความยากจน ดังนี้ 1. กลุ่มครัวเรือนที่ยากจนจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น - โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานประจำ ซึ่งเมื่อเกิดวิกฤตทำให้กิจการหยุดดำเนินธุรกิจ พนักงานจำนวนมากมีชั่วโมงการทำงานที่น้อยลงและบางส่วนถูกเลิกจ้าง นอกจากนี้คนจนเมืองจำนวนมากจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินหรือนำของใช้ในบ้านไปจำนำเพื่อประทังหาเลี้ยงชีวิต 2. กล...

หนี้สาธารณะ (s.164)

บทความของ SCB EIC เรื่อง "ปัญหาระดับโลก : หนี้สาธารณะและเศรษฐกิจที่ถดถอย" ได้มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ประเด็นหนึ่งที่ได้มีการถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิเกฤตโควิด-19 ที่ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อพยุงเศรษฐกิจและส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก. โดยผลจากโควิด-19 นั้นได้ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีที่ลดลงและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐต่างๆ. หนี้สาธารณะที่ปรับตัวเพิ่มอย่างรวดเร็วนี้จึงมาจาก 2 ปัจจัย คือ GDP ที่หดตัว และ การเพิ่มขึ้นของหนี้สินสาธารณะ. ทั้งนี้การประเมินว่าหนี้สาธารณะจะยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่จะขึ้นกับสมมุติฐาน 2 เรื่อง ได้แก่ (1) อัตราดอกเบี้ย และ (2) อัตราการเติบโตของ GDP.  โดยหากอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราการเติบโตของ GDP อย่างต่อเนื่องและหากรัฐบาลไม่กู้เพิ่ม จะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการตั้งสมมุติฐานของอัตราดอกเบี้ยและ GDP ในระยะยาวในระยะยาวที่แม่นยำจะเป็นเรื่องยาก.  นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยและ GDP  ยังมีปัจจัยอื...

การถามประวัติเงินเดือนของผู้สมัครงาน (s.163)

ในบทความชิ้นหนึ่งของ HBR กล่าวถึงการที่องค์กรควรที่จะหยุดถามผู้สมัครงานถึงประวัติเงินเดือนของเขา. เรื่องนี้หากฟังดูผ่านๆ สำหรับประเทศไทยเราก็คงรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะในประเทศของเรา เรามักพบคำถามถึงเงินเดือนที่ทำงานเก่าทุกครั้งไปที่เราไปสมัครเข้างานในที่ทำงานที่ใหม่ หรือบางทีแม้กระทั่งใช้ตอนที่เราไปใช้บริการของธนาคาร ก็ยังมีคำถามถึงเรื่องเงินเดือนของเราเพื่อเก็บเป็นประวัติข้อมูลลูกค้า ทำให้ในสังคมของเราดูเหมือนการถามเรื่องเงินเดือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติมากกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด. ในบทความดังกล่าวได้กล่าวถึงความแตกต่างของค่าตอบแทนของคนผิวสีและผู้หญิง ซึ่งได้รับค่าจ้างโดยเฉลี่ยในอัตราที่ต่ำกว่าคนผิวขาว โดยพิจารณาจากข้อมูลของรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 14 รัฐที่มีบทข้อห้ามในการเรียกถามประวัติเงินเดือนย้อนหลังเปรียบเทียบกับข้อมูลในรัฐที่ไม่ได้มีกฎระเบียบนี้ พบว่ารัฐที่มีกฎหมายที่มีการห้ามเรียกถามเงินเดือนย้อนหลังจะมีค่าจ้างในคนผิวสีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13% และสำหรับผู้หญิงเพิ่มขึ้น 8% ในผู้ที่สมัครทำงานใหม่ (ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนผิวขาว แต่ดีกว่ารัฐที่ไม่มีไม่กฎหมายห้...

การเปลี่ยนกลยุทธ์ของผู้สร้างความแตกต่าง ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ (s.162)

   ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจของโลกเราต้องประสบพบกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่งนับตั้งแต่ได้มีการจดบันทึก โดยมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทุกประเทศในโลกและทำให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก. กระทั่งจนถึงปัจจุบันนี้สถานการณ์ก็ยังไม่ได้มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นมามากนัก. มีงานวิจัยที่รายงานว่าร้อยละ 42 ของงานที่ต้องหยุดไปในช่วงที่เกิดการระบาดนั้นมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นการสูญเสียงานไปอย่างถาวร. - กลยุทธ์ตลาดของ ไมเคิล อี พอร์ตเตอร์ หนึ่งกล่าวถึงในทางธุรกิจบ่อยครั้ง ได้แก่ กลยุทธ์ต้นทุนต่ำ และ กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง . โดยกลยุทธ์ทั้งสองสามารถสร้างความได้เปรียบขององค์กรตราบใดที่องค์กรใช้กลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งเป็นหลัก ไม่นำมาผสมปนเปจนทำให้ไม่มีจุดยืนในตัวสินค้าหรือบริการ. ทั้งนี้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบที่รายได้จะลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกลยุทธ์ต้นทุนต่ำในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ และอาจถึงกับต้องปิดกิจการลง. ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ บางองค์กรมีการวางแผนที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์โดยย้ายไปเน้นกลยุ...

การระดมสมอง ผ่านทางไกล (s.161)

การระดมสมอง หรือ brainstorm เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เห็นได้ทั่วไปในการทำงาน ซึ่งหลายองค์กรจะเป็นคำที่เรียกติดปากเวลาจะมีการประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหรือเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ  ซึ่งหากการระดมสมองเป็นการรวมของพนักงานในสถานที่ใดที่หนึ่งเพื่อทำงานร่วมกันก็ย่อมเป็นเรื่องไม่ยากนักในการจัดการให้การระดมความคิดมีประสิทธิภาพ แต่หากเป็นการระดมสมองหรือทำงานในสถานการณ์ที่แต่ละคนอยู่คนละที่หรือกล่าวว่าเป็นการระดมสมองผ่านทางไกล (Remotely) การบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพย่อมเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ซึ่งครั้งนี้ขอยกตัวอย่างเทคนิคในการระดมสมองในการทำงานที่พนักงานแต่ละคนอยู่คนละแห่งให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้ เข้าถึงคนที่เกี่ยวให้มากที่สุด : ข้อได้เปรียบหนึ่งของการประชุมระดมสมองผ่านทางไกล คือ เราสามารถดึงผู้คนที่เกี่ยวข้องและมีความรู้ประสบการณ์ที่หลากหลายเข้ามาช่วยระดมสมองได้มากกว่าการระดมสมองที่พนักงานมาทำงานอยู่ในสถานที่เดียวกัน โดยให้คัดเลือกผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีความรู้ที่ตรงกับความต้องการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดมุมมองที่รอบด้านและครอบคลุม ใช้ประโยชน์จากเวลานัดหมายที่ไม่ตรงกัน : ในการทำงานร่วมกันผ่าน...

การบริหารพนักงานที่มีผลงานแย่ ผ่านการสื่อสารทางไกล (s.160)

  จากสภาวะการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทำให้รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก พนักงานไม่สามารถออกจากบ้านเพื่อไปทำงานในที่ทำงานได้ และต้องเริ่มทำงานที่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค. อย่างไรก็ดี หากเราดูตามสถิติตัวเลขที่บันทึกจริง พบว่าพนักงานจำนวนมากมีการทำงานที่บ้าน (Work from Home) อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการระบาด โดยประมาณกันว่ามีผู้คนจำนวนกว่า 10 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาที่ทำงานที่บ้าน เพียงแต่จำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากภายหลังจากการระบาดของโรค. ปัญหาหนึ่งของการทำงานที่บ้านคือเรื่องของผลงานของตัวพนักงานเอง ที่กรณีของการทำงานที่บ้าน การที่จะ Feedback หรือปรับปรุงผลงานของพนักงานที่มีผลงานที่ไม่ได้ดีนักจะมีความยากลำบากกว่าการที่พนักงานดังกล่าวทำงานที่ออฟฟิต.  อย่างไรก็ดีเทคนิคที่องค์กรสามารถทำได้ในการช่วยเหลือพนักงานดังกล่าวให้ปรับปรุงผลงานเมื่อสภาพการทำงานนอกสถานที่ทำงานยังคงดำรงอยู่เช่นนี้ (Remote Workers)  1. ทบทวนความคาดหวัง : กระบวนการของการทบทวนความคาดหวังที่มี...

เมื่อคุณอยากออกจากเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรม โดยไม่รู้สึกติดค้าง (s.159)

หลายครั้งที่คุณอาจเคยสัญญาหรือผูกพันตนเองกับกลุ่มกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมนอกเวลาของบริษัทเป็นประจำทุกสัปดาห์  การเล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อน  หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมองค์กรที่สนใจในการทำกิจกรรมสังคม เป็นต้น ซึ่งการผูกพันตนเองดังกล่าวอาจเป็นความรู้สึกที่เหมาะสมหรือความชอบในช่วงเวลาหรือสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งเรามีความสนใจและสามารถอุทิศเวลากับกิจกรรมดังกล่าวได้. อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไปและสถานการณ์เปลี่ยนแปลง คุณอาจไม่ได้ชอบหรือไม่ได้มีเวลาให้กับสิ่งนั้นดังเดิมที่คุณเคยทำในอดีต คุณหยุดการเข้าร่วมกิจกรรมและไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานาน ซึ่งการทำในลักษณะดังกล่าวบางครั้งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกค้างคาใจระหว่างตัวเรากับกลุ่มที่เราเคยเข้าร่วมมาตลอด หลายคนอาจมีความรู้สึกที่แย่ที่จะบอกกล่าว และทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยมีจางหายไม่เหมือนเดิม. การที่เรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถให้เวลาแก่กิจกรรมนั้นได้ สิ่งที่ควรทำคือ ทำการตัดขาดยุติการเข้าร่วมอย่างเหมาะสม ซึ่งข้อดีที่เด่นชัดคือ เราจะไม่มีความรู้สึกผิดและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับกลุ่มที่เราเคยเข้าร่วมยังคงแนบแน่นได้ ทั้งนี้มีค...

ออกแบบการสมัครงาน ที่เอื้อต่อการสร้างความหลากหลายในที่ทำงาน (s.158)

เราคงได้ยินคำพูดหรือหลักการในเรื่องของการทำงานที่ยอมรับในความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของเพศ ประสบการณ์ ศาสนา หรือ เชื้อชาติ เป็นต้น ซึ่งการสร้างความหลากหลายในที่ทำงานนั้นจะมีแนวโน้มทำให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์ การมีมุมมองที่หลากหลายในการทำสิ่งใหม่หรือการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น. อย่างไรก็ดีการสร้างความหลากหลายในที่ทำงานอาจไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายนัก จากการที่คนเรามีแนวโน้มที่จะมีอคติ โดยเฉพาะในขั้นตอนของการรับสมัครของผู้คัดเลือกผู้สมัครงาน. สาเหตุหลักหนึ่งของการไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างความหลากหลายในที่ทำงานทั้งๆ ที่ผู้ที่เข้ามาสมัครงานอาจมีความแตกต่างหลากหลาย คือ อคติจากการเลือกผู้สมัครที่จะมีความโน้มเอียงไปทางผู้สมัครที่มีลักษณะเข้ากับแบบแผนความเชื่อของคนทั่วไป เช่น อาชีพทางเทคโนโลยีจะเหมาะกับผู้ชาย งานบัญชีจะนึกถึงผู้หญิง เป็นต้น เทคนิคหนึ่งที่องค์การสามารถนำมาปรับใช้เพื่อลดอคติในการคัดเลือกพนักงานและสร้างความหลากหลาย โดยใช้เทคนิคการสะกิด (nudge) มาใช้แทรกแซงขั้นตอนการรับสมัคร ในรูปแบบที่คนที่เกี่ยวข้องไม่ได้รู้สึกลำบากหรือสังเกตอย่างเด่นชัด คือ การแบ่งใบสมัครผู้สมัครออก...

จัดสถานที่ทำงานที่สร้างแรงผลักดัน (s.157)

  แรงผลักดันที่เหมาะสมจะนำไปสู่แรงกระตุ้นในการทำงานและการเรียนรู้  โดยมีงานวิจัยที่บ่งชี้ถึงคุณลักษณะของพนักงานที่มีแรงผลักดันซึ่งส่งผลกระทบถึงผลการทำงานที่ดี โดยพวกเขามีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ 1. มีความมุ่งมั่นในระยะยาวที่ก่อให้เกิดผลกระทบในขอบเขตของทักษะใดทักษะหนึ่ง 2. มีความต้องการความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งพวกเขาจะมองความท้าทายเหล่านั้นในเชิงโอกาสที่จะได้เรียนรู้ 3. มีความต้องการในการเชื่อมโยงกับผู้คนที่สามารถช่วยให้พวกเขาในเรื่องที่ท้าท้ายได้ ทั้งนี้หลักการของการสร้างสถานที่ทำงานที่สำคัญ เพื่อสนับสนุนให้พนักงานได้เกิดแรงผลักดันในการทำงานประกอบด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ การสร้างระบบที่เอื้อต่อให้ได้ทดลอง และ การสนับสนุนการประสานงานร่วมกันระหว่างพนักงาน วิธีการสร้างระบบที่เอื้อให้สร้างแรงผลักดันให้แก่พนักงาน สามารถทำได้หลากหลายวิธีการและหลายรูปแบบตั้งแต่การผสมผสานการออกแบบกระบวนการทำงาน เครื่องมือ แนวทางการบริหารที่ออกแบบมาให้เอื้อต่อการทดลองสิ่งใหม่ๆ และการลดผลกระทบของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการทดลอง โดยอาจทำในรูปของการแบ่งปันพื้นที่จริงหรือพื้นที่เสมือนสำหรับทีมงาน การทำต้นแบบทดลอง (Pr...

เมื่อหัวหน้าเหมือนจะไม่ชอบเรา (s.156)

  เราอาจเคยสังเกตเวลาที่เพื่อนของเราทำงานได้ไม่ได้ดีมาก แต่หัวหน้ากลับให้กำลังใจ และพยายามสอนงานต่างๆ ให้กับเขา ในขณะที่เมื่อเราทำงานผิดพลาดเช่นเดียวกัน กลับเหมือนถูกหมางเมินหรือถูกตำหนิรุนแรงอย่างแรง ซึ่งไม่เหมือนสถานการณีที่เพื่อนเราพบเจอ. หลายครั้งที่ความคิดหนึ่งของเราคือ หรือบางทีนี่อาจเป็นสัญญาที่บ่งบอกว่าหัวหน้าอาจไม่ได้ชอบเราซะแล้ว!  แต่ทั้งนี้ก่อนที่เราจะคิดมากเกินไปหรือคิดไปในทางลบต่างๆ นาๆ สิ่งที่เราควรทำคือพยายามไล่เรียงวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ไม่พึงประสงค์นี้. - ปัญหาจากความไว้ใจ : สิ่งบ่งชี้ที่บอกว่าหัวหน้าของคุณไม่เชื่อใจคุณมักเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักกังวลมากจนเกินไปและคิดว่าหัวหน้าไม่ชอบเรา. อย่างไรก็ดีสิ่งที่ดูจะเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีคือการที่หัวหน้าของคุณคิดว่าคุณไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้เมื่อเทียบกับเพื่อนของคุณ ซึ่งความคิดดังกล่าวอาจเป็นการเข้าใจผิดของหัวหน้าของคุณเองหรือคุณอาจไม่ได้มีความสามารถตามความคาดหวังของหัวหน้าคุณก็ได้. วิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวสิ่งแรกคือคุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเรื่องอะไรหรือทักษะส่วนไหนที่หัวหน้าคิดว่าเรายังด้อยก...

การพัฒนาตนเองโดยใช้หลักการลงทุน (s.155)

หลักการหนึ่งของการลงทุนคือเรื่องของ ดอกเบี้ยทบต้น (compounding interest) ซึ่งเงินต้นที่เราลงทุนนั้นเราจะได้ดอกเบี้ยโดยเป็นการคำนวณดอกเบี้ย คิดจากจำนวนเงินต้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการนำดอกเบี้ยในแต่ละงวดเข้ารวมเป็นเงินต้นของงวดต่อๆ ไป. ซึ่งหลักการดอกเบี้ยทบต้นนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการพัฒนาตนเองได้เช่นเดียวกัน หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องของการใช้เวลาช่วงเช้าในการทำงานยากๆ หรืองานที่ต้องใช้การจดจ่อ สมาธิสูง ซึ่งการพัฒนาตนเองนั้นก็สามารถนำหลักการใช้เวลาที่ดีที่สุดมาปรับใช้ได้เช่นเดียวกันในการเรียนรู้ ซึ่งหากพิจารณาจากคนรอบตัวของเราจะพบว่าเวลาเช้าอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับใครหลายคน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกคนที่มีเวลาที่ดีที่สุดในช่วงเช้า ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้ชีวิตและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล.  อย่างไรก็ดีก่อนที่เราจะใช้เวลาไปกับการพัฒนาตนเองนั้นคำถามที่สำคัญที่เราควรตอบตนเองก่อนคือ 1. เวลาช่วงไหนเป็นเวลาที่ดีสำหรับการพัฒนาตัวเรา และ 2. เราจะพัฒนาตัวเราอย่างไร  สำหรับคำถามข้อแรกนั้นให้เราพยายามสังเกตตัวของเราว่าช่วงเวลาไหนที่เรารู้สึกสดชื่นและมีแรงในการทำงานหรือเรียนรู้มากที่สุด ซึ่งช่ว...

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

ลักษณะของเจเนอเรชั่นที่ต่างขั้ว (s.153)

  ผู้คนที่ต่างรุ่นต่างวัยมักมีมุมมองแนวคิดที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นรุ่นที่ใกล้ๆ อายุไม่ได้แตกต่างกันมาก ความคิด ความเชื่ออาจไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่หากเป็นคนรุ่นผู้ใหญ่ที่ใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้ว ซึ่งยุคที่เขาเติบโตมานั้นมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้าหรือเราอาจเรียกว่าเป็นยุคของคนรุ่น 1.0  และในอีกมุมหนึ่งคนที่อายุประมาณวัยรุ่นหรือกำลังอยู่ในวัยเรียน จะเป็นยุคที่เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมายและรวดเร็วเกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่เขาโตมากอย่างมาก เราอาจเรียกคนรุ่นนี้ว่าคนรุ่น 4.0. - ถ้าให้เปรียบเทียบกับแบบเข้าใจง่ายคือ คนยุค 1.0 จะฟังเทปคาสเซ็ท ในขณะที่คนยุค 4.0 จะฟังเพลง Streaming ซึ่งความเชื่อของคนทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างมากและส่งผลต่อวิธีคิดในการทำงาน.  โดยคนยุค 1.0 จะคิดแบบการกำกับให้คนทำงานตามที่สั่ง ในขณะที่คนยุค 4.0 จะคิดแบบร่วมมือกันทำงานให้เรียบร้อย.  คนยุค 1.0 มีความเชื่อความคิดเป็นสำคัญ อนาคตจะเป็นดังความคิดของผู้นำ ในขณะที่คนยุค 4.0 เชื่อในเรื่องการช่วยกันสร้างอนาคต ทุกคนมีส่วนร่วมในการคิด ออกแบบ และทำอนาคตร่วมกัน. - ความเป็นขาวหรือดำคืออีกสิ่งหนึ่งที่เป็นลักษณะขอ...

การเจรจาต่อรอง สำหรับทางเลือกที่ไม่ได้มีมาก (s.152)

  แนวคิดแบบชนะร่วมกัน หรือ win-win mindset นั้น จะใช้ได้ดีสำหรับการเจรจาต่อรองที่มีประเด็นมากกว่า 1 ข้อ ซึ่งประเด็นทั้งหลายดังกล่าวจะสามารถนำมาเจรจาพูดคุยเพื่อจัดลำดับความสำคัญของแต่ฝ่ายที่เจรจาและหาจุดร่วมที่ได้ประโยชน์สูงสุดตามที่แต่ละฝ่ายต้องการร่วมกัน  ในทางกลับกันหากเป็นการเจรจาต่อรองที่ประเด็นมีเป้าหมายเพียงเรื่องเดียว เช่น การเจรจาเรื่องเงินเดือน การเจรจาค่าเช่า เป็นต้น กลยุทธ์ win-win ก็อาจดูเหมือนไม่เหมาะสมกับเรื่องบริบทแบบนี้ เพราะส่วนมากการเจรจาลักษณะดังกล่าวจะจบลงตรงที่พบกันครึ่งทางและอาจไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ที่ดีกับเรามากนัก. เทคนิคหนึ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้สำหรับการเจรจาที่มีประเด็นเพียงเรื่องเดียว โดยจะเป็นการปรับบริบทของการเจรจาให้อยู่ในรูปแบบผลลัพธ์แบบ win-win ร่วมกัน ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะเป็นการนำการเสนอสิ่งที่เราต้องการ เปรียบเทียบกับจุดแย่ที่สุดที่ผู้ร่วมเจรจาสามารถยอมรับได้.  การปรับบริบทเจรจาในลักษณะนี้ เรามีแนวโน้มที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าการเจรจาโต้แย้งต่อรองกันไปมา. โดยการปรับบริบทของการเจรจา เช่น "ข้อเสนอที่ผมได้ให้ไปเมื่อเทียบกับราคาต่ำที่...

Micro Stress ความเครียดขนาดเล็ก กำลังทำลายเราอยู่หรือไม่ (s.151)

  ในวิถีชีวิตประจำวันของเรามักเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นมา โดยความเครียดที่เข้ามาหาเราแบบทีละเล็กทีละน้อยอย่างต่อเนื่องในวันหนึ่งๆ นั้นซึ่งอาจเรียกว่า 'Micro-stresses' หรือ ความเครียดขนาดเล็ก เป็นความเครียดที่เข้ามาในหลากหลายรูปแบบ หลายช่องทางทั้งในเชิงของปริมาณ ความหลายหลาก หรือแม้กระทั่งความถี่  โดยที่เราอาจไม่ได้เคยตระหนักมาก่อน เช่น ความเครียดเกิดจากการทำงานที่ยาก ความเครียดจากลูกค้า จากเจ้านายที่กดดันในงาน ซึ่งประเด็นที่สำคัญของความเครียดขนาดเล็กนี้คือมันจะก่อตัวอย่างช้าๆ โดยเราไม่ทันรู้ตัว และกลายเป็นความเครียดขนาดใหญ่ที่ทำให้เรารู้สึก burn out ไป ประมาณการ 60-80% ของการเข้าพบแพทย์สำหรับเรื่องของความเครียดนั้นมีสาเหตุมาจากโรคภัยไข้เจ็บและความคับข้องใจ ซึ่งความเครียดจะส่งผลถึงประสิทธิภาพที่ลดลงของเรา คุณภาพของการตัดสินใจที่แย่ลง และบ่อยครั้งที่จะทำให้เกิดการลดแรงจูงใจ ความคิดสร้างสรรค์และความมีประสิทธิผลในการทำงาน.  สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเครียดขนาดเล็กนี้คือมักเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุจากคนใกล้ตัวของเราทั้งในและนอกที่ทำงาน โดยเราสามารถแบ่งความ...