คอลัมมในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 8 ก.ค. 63 มีเรื่องที่น่าสนใจโดย บลูบิค กรุ๊ป ซึ่งสรุปการเปรียบเทียบการทำงานในแบบ Agile ซึ่งเป็นคำที่เป็นกระแสในช่วงนี้ กับการทำงานแบบ Waterfall ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานที่องค์กรส่วนใหญ่ทำกันมาอย่างยาวนาน โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
.
✅ รูปแบบทีม (Team)
- Agile: ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมานั่งทำงานด้วยกัน (cross functional, colocated)
Waterfall: แต่ละฝ่ายทำงานแยกส่วนกัน (department-based)
- Agile: ทีมมีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตนเอง (autonomous)
Waterfall: หัวหน้าแผนกแต่ละแผนกจะตัดสินใจในเรื่องที่เป็นขอบเขตของตนเอง
- Agile: ทีมถูกแต่งตั้งเพื่อโครงการโดยเฉพาะ (dedicated)
Waterfall: โครงการใช้บุคลากรที่แต่ละแผนกส่งมา ซึ่งอาจจะต้องรับผิดชอบงานอื่นด้วย
.
✅ รูปแบบกระบวนการ (Process)
- Agile: กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและส่งมอบงานทีละชิ้นเล็กๆ
Waterfall: วางแผนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบในรอบเดียว
- Agile: แบ่งการทำงานเป็นหลายๆ รอบ (sprint)
Waterfall: ทำงานให้เสร็จทีละชิ้น (stage) โดยไม่ย้อนกลับ
- Agile: แผนงานมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยระหว่างการดำเนินงาน
Waterfall: ทำงานตามแผนที่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงน้อย
✅ จุดแข็ง (Strength)
- Agile: ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อผิดพลาดได้รวดเร็ว
Waterfall: มีขอบเขตของงานและการดำเนินงานที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม
- Agile: ทีมสามารถทำงานได้เองและพึ่งพาผู้บริหารน้อยลง
Waterfall: มีต้นทุนในการบริหารทรัพยากรต่ำกว่าหากงานราบรื่น
- Agile: ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
Waterfall: แผนงานสามารถนำมาทำซ้ำได้ง่ายในอนาคต (Repeatable)
.
จะเห็นได้ว่าวิธีการทำงานในแต่ละแบบทั้ง Agile และ Waterfall ต่างมีข้อดีแตกต่างกันซึ่งคงไม่สามารถสรุปได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของสภาพแวดล้อม ลักษณะงานที่ทำ และทัศนคติของคนในองค์กร การนำไปประยุกต์ใช้วิธีดังกล่าวจึงไม่ควรสรุปเหมาเอากระแสในสังคมว่าสิ่งนี้ดีกว่าอีกสิ่งโดยไม่ได้วิเคราะห์ให้ถ้วนถี่จึงจุดเด่นและข้อจำกัดในแต่ละวิธี อีกทั้งธุรกิจควรพิจารณาภายในประกอบด้วยก่อนตัดสินใจเพื่อให้การทำงานของเราสร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ.
.
#busguy
#ธุรกิจแบ่งปัน #business
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น