ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เอาชนะความรู้สึกของการทำงานตลอดเวลา (Always-On) (s.104)

 


ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานเฉพาะแต่ในออฟฟิตเพียงอย่างเดียว และประกอบกับการเกิดโรคระบาด COVID-19 ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้กระบวนการของการเร่งพฤติกรรมการทำงานในทุกที่ (Works Anywhere) มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นและเป็นเรื่องปกติมากขึ้น.  อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นความรู้สึกของการที่ต้องทำงานตลอดเวลา (Always-On) คือ ปัญหาของการแยกช่วงเวลาระหว่างเวลาส่วนตัวและเวลางานออกจากกันได้ยากขึ้น.  โดยในช่วงของความปกติใหม่นี้ (New Normal) คนส่วนใหญ่จะยิ่งรู้สึกถึงความเครียดที่เพิ่มขึ้นทั้งความเครียดจากงานที่ทำงานและความเครียดจากครอบครัว ซึ่งคนทำงานหรือพนักงานจำเป็นต้องหาแนวทางป้องกันตนเองจากความเครียดที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เรายังรักษาคุณภาพการใช้ชีวิตที่ดีได้ โดยมีวิธีที่อยากแนะนำ คือ

.

1. สร้างพลังความตั้งใจให้กับตนเอง - คนที่มีความสามารถที่ควบคุมตนเองได้ จะสามารถบรรเทาความเครียดจากการพฤติกรรมการติดต่อตลอดเวลา (Always-On) ได้มากกว่า เช่น การควบคุมตนเองให้ไม่ดูข้อความจากโทรศัพท์มือถือทุกครั้งที่มีข้อความเข้ามา หรือ การไม่ถูกขัดจังหวะจากงานในที่ทำงานขณะรับประทานอาหารกับครอบครัว เป็นต้น  ซึ่งความสามารถในการควบคุมตนเองนั้นเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนให้หนักแน่นมากขึ้นได้เมื่อเราพยายามใช้มันมากขึ้น.

2. กำหนดขอบเขต และยึดมั่นที่จะปฏิบัติ - พลังของความตั้งใจของคนเรามีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวันจนกระทั่งเราเข้านอน และจะเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะต้องรักษาพลังของความตั้งใจไม่ให้หมดไปเสียก่อน ซึ่งวิธีการหนึ่งคือการกำหนดเส้นแบ่งที่แน่นอนของการทำงานและเรื่องส่วนตัว เช่น การกำหนดขอบเขตของงานโดยตั้งใจไม่ทำงานภายหลังจากเวลาที่เลิกงาน เป็นต้น  

3. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน - โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราทำงานห่างกันมากขึ้น การสื่อสารที่ดีจะลดความไม่แน่นอนหรือความสับสน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของความเครียด.  โดยผู้นำควรต้องเป็นแบบอย่างของการสื่อสารในเรื่องของการกระทำและความคาดหวังให้พนักงานได้เห็นเป็นแบบอย่าง เช่น การที่ผู้นำส่ง email และข้อความเฉพาะในช่วงเวลางาน จะเป็นแบบอย่างของการสื่อสารถึงความคาดหวังในการกำหนดเวลาการทำงานให้กับทีมงาน เป็นต้น 

.

ทั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานจะต้องสามารถควบคุมงานของตนเองได้ในระดับหนึ่ง โดยพนักงานที่มีพลังความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม มีการกำหนดขอบเขตระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวที่เหมาะสม และผู้นำได้สื่อสารมาตรฐานและความคาดหวังอย่างถูกต้อง  การทำงานนอกออฟฟิต (Working Anywhere) จะป็นสิ่งที่สร้างแรงบวกให้กับพนักงานในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

#busguy

#ธุรกิจแบ่งปัน #business

อ้างอิง : HBR "How to Cope with That "Always-On" Feeling" โดย Charn McAllister และทีม 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระตุ้นพฤติกรรม ด้วยโบนัสแบบ Spot (s.154)

  บริษัทจำนวนมาจะมีระบบการให้ผลตอบแทนที่เรียกว่า "โบนัส" ประจำปี  โดยอาจพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกับผลงานของพนักงาน และโบนัสดังกล่าวมักอยู่ในรูปของเงินก้อนใหญ่เมื่อเปรียบกับเงินเดือนของพนักงานผู้นั้น ทำให้บริษัทต้องมีภาระทางการเงินเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีการให้โบนัส  อย่างไรก็ดียังมีวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนพนักงานซึ่งเป็นการให้ที่ถี่กว่าและจำนวนเงินก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสประจำปี ซึ่งอาจเรียกว่าโบนัสในลักษณะนี้ว่าเป็น Spot Bonus โดยทั่วไปนั้น Spot Bonus จะให้กับพนักงานหรือกลุ่มของพนักงานสำหรับพฤติรรม การกระทำ หรือผลลัพธ์ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นผลงานและสร้างแรงจูงใจของพนักงานในการทำงาน โดยมักเกี่ยวข้องกับงานที่เป็นโครงการ หรือเป็นการให้เพื่อส่งเสริมการกระทำหรือพฤติกรรมบางอย่างที่บริษัทประสงค์จากตัวพนักงาน.  ประโยชน์การนำ Spot Bonus มาใช้ในองค์กรนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ 1. Spot Bonus สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้บ่อยครั้งขึ้น - แทนที่ต้องรอโบนัสในช่วงปลายปี การให้ Spot Bonus จะ...

หงส์ดำ แรดเทา ความเสี่ยง (s.257)

#busguy #ธุรกิจแบ่งปัน #business . สัตว์สองตัวที่มักถูกนำมาเรียกเปรียบเปรยในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 นี้ได้แก่ หงส์ดำ (Back Swan) และ แรดเทา (Grey Rhino) ซึ่งมีนอกเหนือจากที่มีการเปรียบเปรยแล้ว ยังมีการถกเถียงกันถึงเรื่องว่าเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิดนี้ควรจัดเป็นเหตุการณ์ลักษณะของ หงส์ดำ หรือ แรดเทา กันแน่ โดยเหตุการณ์ทั้งสองถือเป็นสิ่งเราควรเรียนรู้ในเรื่องของการบริหารความเสี่ยง . เรื่องของ หงส์ดำ มีมาช้านานแล้ว โดยใช้เปรียบเปรยในลักษณะของเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในอดีตนั้น คนส่วนใหญ่จะคิดว่าหงส์จะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ดังนั้นหงส์ดำจึงเป็นสิ่งนอกความคิดหรือเป็นไปไม่ได้. อย่างไรก็ดี เมื่อต่อมาได้มีการค้นพบหงส์ดำเกิดขึ้นจริง การเปรียบเปรยหงส์ดำก็กลายเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรือไม่น่ามีทางเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นไปได้. ทั้งนี้เหตุการณ์ที่จะเป็นหงส์ดำต้องมีลักษณะ 1.เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ข้อมูลในอดีตไม่มีการบ่งบอกที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น 2. มีผลกระทบที่รุนแรง และ 3. เมื่อมันเกิดขึ้นจริง แล้วเรามองย้อนกลับไป ก็จะสามารถหาเหตุผลมาอธิบายการเกิดข...

Word of the Year 2022 (s.540)

  #จดมาสรุปเป็นข้อ #ธุรกิจแบ่งปัน #busguy  ➼ Word of The Year ที่นำเสนอโดยสำนักพิมพ์ดิกชันนารีออกฟอร์ด ซึ่งได้ประกาศออกมาโดยการใช้วิธีการโหวตออนไลน์ ได้คำว่า "goblin mode" ซึ่งหมายถึงชนิดของพฤติกรรมที่ตามใจตนเอง ขี้เกียจ ดูสกปรก ไร้ระเบียบ มีลักษณะทั่วไปที่ปฏิเสธแบบแผนของสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน. ➼ การตีความว่าคนอยู่ในโหมดของการเป็น goblin หมายถึงคนที่เลือกเองว่าจะอยู่ในโหมดของการเป็นคนสกปรก ขี้เกียจ ไม่สนใจสารรูปของตนเอง บริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และชอบอยู่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอก. ➼ สำหรับสำนักพิมพ์ดิกชันนารี Merriam-Webster ได้เลือก Word of the Year คำว่า "gaslighting" ซึ่งหมายความถึงการพยายามทำให้บุคคลหนึ่งรู้สึกไม่มั่นคงและสั่นคลอนในความเชื่อของตน จนทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นหรือมีประสบการณ์มิได้เกิดขึ้นจริง. ซึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง. ➼ สำนักพิมพ์ดิกชันนารี Collins เลือก "permacrisis" ซึ่งแปลว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงทน เพื่อเล่าสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่คาดเดาได้ยาก เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย. อ้างอิง: ...