จากบทความในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 ก.ค.63 เรื่อง "การ์ทเนอร์ ชี้คลาวด์ไทยโตแรง คาดมูลค่าพุ่ง 2.2 หมื่นล้านปี 64" ได้กล่าวถึงการคาดการณ์ของบริษัทการ์ทเนอร์ อิงค์ ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดบริการระบบคลาวด์สาธารณะทั่วโลกจะขยายตัวประมาณ 6.3% คิดเป็นมูลค่า 257.9 พันล้านดอลลาร์.
.
โดยระบบคลาวด์ช่วยสามารถตอบโจทย์ให้แก่ธุรกิจในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีสำหรับลูกค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นในบริการและจ่ายค่าบริการเท่าที่ใช้งานเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนหรือเช่าระบบที่ราคาแพงแต่เกินความจำเป็นของธุรกิจ. ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าตลาดคลาวด์ในประเทศไทยในปี 2563 จะเติบโตอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 17.7% และเติบโต 25.2% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ในปี 2564
.
ทั้งนี้ การเติบโตของ DasS (Desktop as a Services) ถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในระบบคลาวด์ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 71.7% ในปี 2563 นี้ เพราะให้ตัวเลือกด้านราคาที่เข้าถึงได้กับองค์กรที่สนับสนุนการทำงานจากระยะไกลของพนักงาน ในขณะเดียวกัน SaaS (Software as a Services) ยังถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ Software จากลิขสิทธิ์ติดตั้งที่เครื่อง มาเป็นแบบเช่า (Subscription) และสำหรับตลาดใหญ่ที่รองลงมาคือ IaaS (Infrastructure as a Services) ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 13.4% หรือคิดเป็น 50.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563
.
อนึ่งการใช้คลาวด์ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ได้สร้างความได้เปรียบแก่ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) คือ สเกลต้นทุนตามการใช้งานจริง และ ยืดระยะเวลาการใช้จ่ายได้. โดย CIO สามารถลงทุนได้ล่วงหน้าโดยใช้งบประมาณที่น้อยลง ผ่านทางการใช้เทคโนโลยีคลาวด์แทนการเพิ่มขนาดความจุของ data center แบบ on premises หรือการใช้ Software ในระบบคลาวด์แทนการใช้แบบลิขสิทธิ์ดังเช่นในอดีต.
.
#busguy
#ธุรกิจแบ่งปัน #business
.
อ้างอิง : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 24 ก.ค. 63 คอลัมม์ "ทัศนะจากผู้อ่าน" เรื่อง "วัฒนธรรมที่แข็งแรง เบื้องหลังความสำเร็จระบบ Lean" โดยคุณกฤชชัย อนรรฆมณี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น